ดร.ศักดิ์ชัย ธนบดีจิรพงศ์ นายกสมาคมผู้ประกอบการเตาเหนี่ยวนำ ชี้ข้อมูลเหล็ก IF ที่ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก ส.อ.ท. ระบุคลาดเคลื่อน ย้ำเหล็กไทยได้มาตรฐาน มอก. และผ่านการตรวจเข้มเทียบเท่าระบบ EAF
กรณีที่นายบัณฑูรย์ จุ้ยเจริญ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เสนอให้รัฐบาลจำกัดการผลิตเหล็กเส้นเฉพาะระบบ BOF และ EAF พร้อมอ้างข้อมูลว่ากระบวนการผลิตแบบเตาเหนี่ยวนำไฟฟ้า (Induction Furnace: IF) มีปัญหาด้านคุณภาพและสิ่งแวดล้อมนั้น ล่าสุด ดร.ศักดิ์ชัย ธนบดีจิรพงศ์ นายกสมาคมการค้าผู้ประกอบการหล่อหลอมโลหะด้วยเตาเหนี่ยวนำไฟฟ้า ซึ่งเป็นสมาชิกของ ส.อ.ท. ออกมาแถลงชี้แจงว่า ข้อมูลดังกล่าวคลาดเคลื่อนในหลายจุดและอาจทำให้สังคมเข้าใจผิด พร้อมยืนยันว่าโรงงานผลิตเหล็ก IF ในไทยส่วนใหญ่ผ่านมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) และได้รับการตรวจสอบจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) อย่างต่อเนื่อง
ดร.ศักดิ์ชัยระบุว่า เหล็ก IF ถูกใช้ในงานก่อสร้างของไทยมากว่าสองทศวรรษ ภายใต้กฎหมายสิ่งแวดล้อมและการควบคุมคุณภาพที่เข้มงวดเช่นเดียวกับเหล็กระบบ EAF โดยทุกล็อตต้องผ่านการสุ่มตรวจจากวิศวกรควบคุมงาน หากไม่ผ่านมาตรฐานจะถูกตีกลับและผู้ผลิตต้องรับผิดทางกฎหมาย ยืนยันว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ไม่กล้าทำผิดกฎหมายเพราะมีบทลงโทษรุนแรง
พร้อมกันนี้ยังตั้งข้อสังเกตว่า การอ้างอิงข้อมูลจากประเทศจีนของนายบัณฑูรย์ไม่ครบถ้วน เนื่องจากรัฐบาลจีนยกเลิกเฉพาะโรงงานขนาดเล็กที่ไม่ผ่านมาตรฐานเท่านั้น และยังสนับสนุนงบประมาณปรับปรุงให้โรงงานที่ต้องการดำเนินการต่อสามารถยกระดับมาตรฐานการผลิตได้ ส่วนข้อเสนอให้ไทยเปลี่ยนไปใช้ระบบ BOF และ EAF ทั้งหมด อาจทำให้เกิดการผูกขาดและผลักดันราคาเหล็กในประเทศให้สูงขึ้น เนื่องจากเหล็ก IF ยังเป็นวัสดุหลักที่ใช้ในการก่อสร้างทั่วไปโดยไม่พบปัญหาด้านความแข็งแรง
ดร.ศักดิ์ชัยยังชี้ว่า การเชื่อมโยงกรณีอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่มว่าเกิดจากเหล็ก IF ไม่ได้มาตรฐานนั้นเป็นข้อมูลผิด เพราะผลสอบข้อเท็จจริงของรัฐบาลเมื่อเดือนมิถุนายน 2568 ระบุชัดว่าเกิดจากปัญหาการออกแบบและวิธีการก่อสร้าง ไม่เกี่ยวข้องกับคุณภาพวัสดุ พร้อมยืนยันว่าทั้งเหล็กและคอนกรีตที่ใช้ได้มาตรฐานทุกประการ พร้อมเตรียมทำหนังสือชี้แจงต่อ นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และประธาน ส.อ.ท. เพื่อขอความเป็นธรรมและป้องกันความเข้าใจผิดในวงกว้าง