“ตรีนุช” สั่งตรวจสอบเหตุเชฟไทยเสียชีวิตในกัมพูชา เร่งคุ้มครองสิทธิแรงงานไทยในต่างแดน

วันที่ 8 ตุลาคม 2568 นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงกรณี เชฟคนไทยในกัมพูชา ซึ่งถูกปฏิเสธการรักษาจากโรงพยาบาล และเสียชีวิต ว่า จากการตรวจสอบของสำนักงานประกันสังคมจังหวัดสระแก้ว พบว่า ผู้เสียชีวิต มีภูมิลำเนา อยู่จังหวัดนครศรีธรรมราช เคยทำงานเป็นลูกจ้างของห้างหุ้นส่วนจำกัดแห่งหนึ่ง ที่ผ่านมามีการนำส่งเงินสมทบกองทุนประกันสังคม เพียง 2 งวด ล่าสุดในเดือนพฤษภาคม 2567 เท่านั้น จากนั้นไม่มีการนำส่งเงินสมทบเข้ากองทุน ในส่วนของการเดินทางไปทำงานต่างประเทศ จากการตรวจสอบข้อมูลคนไทยที่ไปทำงานต่างประเทศ ไม่พบการแจ้งไปทำงานของผู้เสียชีวิต เป็นการเดินทางไปทำงานด้วยตัวเอง ไม่ได้ผ่านระบบของทางกระทรวงแรงงาน และไม่พบว่าเป็นสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ อย่างไรก็ดี เนื่องจากในกัมพูชาไม่มีทูตแรงงาน ประจำอยู่ที่กัมพูชาโดยตรง จึงต้องรอข้อมูลที่ชัดเจนจากสถานทูตไทยในกัมพูชารายงานมาอีกครั้ง

นางสาวตรีนุช กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อมูลของคนไทยรายดังกล่าว เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามสิทธิประโยชน์ที่ควรจะได้รับแล้ว ในส่วนของตัวเลขแรงงานไทยที่ยังทำงานอยู่ในราชอาณาจักรกัมพูชา พบว่า จากข้อมูลของกรมการจัดหางาน มีแรงงานไทยที่ยังทำงานอยู่ในราชอาณาจักรกัมพูชา จำนวน 29 คน เป็น นายจ้างพาลูกจ้างไปทำงาน 12 คนเดินทางด้วยตนเอง 1 คน และ Re-Entry 16 คน

นางสาวตรีนุช กล่าวย้ำว่า สำหรับแรงงานไทยที่ประสงค์จะไปทำงานต่างประเทศ ขอให้เดินทางไปทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งมีทั้งหมด 5 วิธีด้วยกัน คือ

1. การเดินทางไปทำงานต่างประเทศด้วยตนเอง
2. การเดินทางไปทำงานต่างประเทศโดยบริษัทจัดหางานเป็นผู้จัดส่ง
3. การเดินทางไปทำงานต่างประเทศโดยกรมการจัดหางานเป็นผู้จัดส่ง
4. นายจ้างในประเทศไทยพาลูกจ้างไปทำงานในต่างประเทศ
5. นายจ้างในประเทศไทยส่งลูกจ้างไปฝึกงานในต่างประเทศ

ทั้งนี้ แรงงานไทยที่ต้องการเดินทางไปทำงานต่างประเทศสามารถติดต่อได้ที่กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน และควรศึกษาข้อมูลการเดินทางไปทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และอย่าหลงเชื่อหากมีการชักชวนไปทำงานต่างประเทศผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ เพราะผู้ที่สามารถจัดส่งคนหางานให้ไปทำงานต่างประเทศได้ นอกเหนือจากกรมการจัดหางาน ต้องเป็นบริษัทจัดหางานที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น รวมทั้งสมัครเป็นสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานเพื่อไปทำงานต่างประเทศ เพื่อให้ได้รับการดูแลและความคุ้มครอง