รายงานสถานการณ์น้ำเช้าวันที่ 7 ต.ค. 68 พบ 17 จังหวัดยังประสบอุทกภัย ฝนตกหนักสุดที่นครนายก 76 มม. “แมตโม” อ่อนกำลังแต่ยังส่งผลมรสุมแรง กฟผ.–ชลประทานปรับแผนระบายน้ำเขื่อนลดความเสี่ยงลุ่มเจ้าพระยา
สภาพอากาศและฝนสะสม
เวลา 07.00 น. วันที่ 7 ตุลาคม 2568 สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) รายงานว่า มรสุมตะวันตกเฉียงใต้เริ่มมีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้หลายพื้นที่ของประเทศยังมีฝนตกต่อเนื่อง โดยฝนสะสมสูงสุด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ได้แก่
ภาคเหนือ: จ.แพร่ 59 มม.
ภาคอีสาน: จ.นครราชสีมา 46 มม.
ภาคกลาง: กรุงเทพมหานคร 34 มม.
ภาคตะวันออก: จ.นครนายก 76 มม.
ภาคตะวันตก: จ.กาญจนบุรี 12 มม.
ภาคใต้: จ.นราธิวาส 74 มม.
กรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่า พายุดีเปรสชัน “แมตโม” ได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณตอนบนของเวียดนามแล้ว แต่ยังส่งผลให้เกิดฝนหนักในบางจังหวัด โดยเฉพาะหนองคาย บึงกาฬ และสกลนคร ทั้งนี้คาดว่า ช่วงวันที่ 9–12 ตุลาคมนี้ ร่องมรสุมจะเลื่อนลงพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน ทำให้พื้นที่ภาคกลางและใต้มีฝนเพิ่มขึ้น
สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ
อ่างเก็บน้ำทั่วประเทศมีปริมาณน้ำรวม 67,886 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 84 ของความจุเก็บกัก และมีน้ำใช้การได้ร้อยละ 75 (ประมาณ 43,750 ล้าน ลบ.ม.) โดยมีการเฝ้าระวังเขื่อนหลัก เช่น เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนเจ้าพระยา ซึ่งอยู่ในช่วงระบายน้ำเพิ่มขึ้นเพื่อควบคุมระดับน้ำเหนือเขื่อน
พื้นที่ประสบอุทกภัย
วันที่ 6 ตุลาคม 2568 พบสถานการณ์น้ำท่วมใน 17 จังหวัด 73 อำเภอ ครอบคลุมภาคเหนือ อีสาน กลาง และตะวันออก โดยจังหวัดที่ได้รับผลกระทบหนัก ได้แก่
ภาคเหนือ: พิษณุโลก, เพชรบูรณ์, อุตรดิตถ์, สุโขทัย, พิจิตร
ภาคอีสาน: นครราชสีมา, ชัยภูมิ, อุบลราชธานี
ภาคกลาง: นครสวรรค์, อุทัยธานี, ชัยนาท, สิงห์บุรี, อ่างทอง, พระนครศรีอยุธยา, ปทุมธานี, นครปฐม
ภาคตะวันออก: ฉะเชิงเทรา
หลายพื้นที่อยู่ในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยา ซึ่งระดับน้ำยังสูงกว่าตลิ่งเล็กน้อย โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดอ่างทองและพระนครศรีอยุธยามติที่ประชุม สทนช.–ชลประทาน–กฟผ.
นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการ สทนช. เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำ โดยมีมติให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ประสานกรมชลประทานปรับแผนระบายน้ำเพื่อความมั่นคงของเขื่อน
ปรับเพิ่มการระบายน้ำ เขื่อนสิริกิติ์ เป็น 35 ล้าน ลบ.ม./วัน
คงอัตราการระบายน้ำ เขื่อนภูมิพล 5 ล้าน ลบ.ม./วัน
รวมระบายน้ำรวม 40–50 ล้าน ลบ.ม./วัน
เตรียมปรับลดการระบายน้ำ เขื่อนเจ้าพระยา จาก 2,500 เหลือ 2,400 ลบ.ม./วินาที คาดช่วยลดระดับน้ำท้ายเขื่อน 0.20–0.25 เมตร
ทั้งนี้ ทุกหน่วยงานจะเร่งระบายน้ำฝั่งตะวันออก–ตะวันตกของเขื่อนให้เต็มศักยภาพ พร้อมเตือนพื้นที่ท้ายเขื่อนและลุ่มเจ้าพระยาให้เฝ้าระวังน้ำท่วมขังอย่างต่อเนื่อง