วันที่ 6 ตุลาคม 2568 สถานการณ์น้ำท่วมใน จ.ชัยนาท เช้านี้ทีมข่าวลงพื้นที่ ต.โพพนางดำออก อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ที่ก่อนหน้านี้มีเหตุการณ์คันดินกั้นน้ำแตกที่หน้าวัดสมุทร ม.3 ทำให้มวลน้ำมหาศาลจากแม่น้ำเจ้าพระยาทะลักเข้าท่วมพื้ยนที่อย่างรวดเร็วในพื้นที่ ม.3 และ ม.2 ที่อยู่ติดกัน จนชาวบ้านต้องเร่งอพยพข้าวของทรัพย์สินขึ้นมากินนอนอยู่บนถนนคันคลองมหาราช ทางหลวงชนบทหมายเลข ช.น.3018 นั้น
ล่าสุดพบว่า มวลน้ำที่ทะลักเข้าพื้นที่เริ่มขยายวงกว้าง จาก ม.3 เข้ามาที่ ม.2 จนเต็มพื้นที่ และเข้าท่วมพื้นที่ ม.1 พื้นที่สุดท้ายริมแม่น้ำเจ้าพระยา ของ ต.โพนางดำออก ทำให้พื้นที่ริมแม่น้ำของ ต.โพนางดำออกยาว 6.3ก.ม.ถูกน้ำทะลักเข้ามท่วมเรียบร้อยทั้งหมด ความสูงของระดับน้ำตั้งแต่ 30 ซ.ม.-150 ซ.ม.ในที่ลุ่มต่ำ ต้องใช้เรือในการเดินทางแทนรถที่เข้าพื้นที่ไม่ได้แล้ว ทำให้ชาวบ้านทั้ง 3 หมู่บ้านอพยพขึ้นมาสร้างที่พักชั่วคราวบนถนนแล้วกว่า 600 ครอบครัว ทำให้บนถนนเหลือช่องการจราจรเพียง1ช่อง เทศบาลตำบลโพนางดำออกจึงทำป้ายให้ผู้ใช้รถชลอความเร็วและระมัดระวัง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
ส่วนสถานการณ์น้ำที่เขื่อนเจ้าพระยา ต.บางหลวง อ.สรรพยา จ.ชัยนาท กุญแจสำคัญในการบริหารจัดการน้ำลุ่มภาคกลาง ตรวจสอบน้ำเหนือที่ไหลเข้าเขื่อนฯที่จุดวัดน้ำ C2 หน้าค่ายจิรประวัติ อ.เมืองนครสวรรค์ ปริมาณน้ำเหนือเริ่มมีแนวโน้มลดลง ล่าสุดวัดได้ 2,748 ลบ.ม./วิ ระดับน้ำเหนือเริ่มมีแนวโน้มลดลงเช่นกันวัดได้ 16.10 ม.รทก. แต่อิทธิพลของพายุแมตโมที่เสริมให้ร่องมรสุมที่พาดผ่านตอนบนของประเทศทวีกำลังแรงขึ้น ทำให้มีฝนตกหนักต่อเนื่อง ส่งผลให้เขื่อนเจ้าพระยาต้องคงการระบายน้ำไว้ที่อัตรา 2,500ลบ.ม./วิ เป็นวันที่ 4 ซึ่งระดับน้ำท้ายเขื่อนล่าสุดคงตัวใน 24 ช.ม.วัดได้ 15.94 ม.รทก. จึงแจ้งเตือนให้พื้นที่ท้ายเขื่อนตั้งแต่ อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ลงไป จ.สิงห์บุรี , จ.อ่างทอง และ จ.พระนครศรีอยุธยา เตรียมรับมือระดับน้ำที่คาดว่าจะยกตัวขึ้น 5-10 ซ.ม.ใน 24 ชม. ข้างหน้า
