ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “วิกฤตพระพุทธศาสนา !” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 14-16 กรกฎาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และนับถือศาสนาพุทธ กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับพระพุทธศาสนาในปัจจุบัน
ต้นตอวิกฤต: เมื่อ “ผ้าเหลือง” แปดเปื้อนด้วย “กิเลสทางโลก”
ผลสำรวจล่าสุดจากนิด้าโพลสะท้อนภาพวิกฤตพระพุทธศาสนาอย่างชัดเจน โดยชี้ว่าปัญหาหลักเกิดจาก “ตัวบุคคล” คือพระสงฆ์จำนวนหนึ่งที่ตัดไม่ขาดจากทางโลก มีข่าวฉาวซ้ำซาก หลงในวัตถุนิยม และมองการบวชเป็นอาชีพ สิ่งนี้ส่งผลโดยตรงให้ประชาชนกว่า 58% เสื่อมศรัทธาในตัวพระสงฆ์ อย่างไรก็ตาม ที่น่าสนใจคือคนส่วนใหญ่เกือบ 70% ยังคงศรัทธาใน “หลักธรรมคำสอน” ของศาสนาพุทธไม่เปลี่ยนแปลง แสดงให้เห็นว่าพุทธศาสนิกชนสามารถแยกแยะระหว่างพฤติกรรมของสงฆ์กับแก่นแท้ของศาสนาได้
จากความเสื่อมศรัทธาในตัวบุคคลและความเชื่อมั่นที่ลดลงในองค์กรกำกับดูแล ประชาชนจึงเรียกร้องทางออกที่เด็ดขาดผ่านกฎหมาย โดยส่วนใหญ่เห็นด้วยอย่างยิ่งให้มีการลงโทษพระที่ประพฤติผิดพระธรรมวินัยร้ายแรง สะท้อนว่า สังคมกำลังต้องการมาตรการเพิ่มขึ้น แต่ต้องการให้รัฐใช้อำนาจทางกฎหมายเข้ามาจัดระเบียบและคัดกรองบุคคลที่ไม่เหมาะสม เพื่อฟื้นฟูความน่าเชื่อถือของสถาบันสงฆ์ให้กลับคืนมา

สำหรับผลการสำรวจในครั้งนี้ มีรายละเอียดดังนี้
จากการสำรวจเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นกับพระพุทธศาสนาในปัจจุบัน พบว่า ตัวอย่าง
- ร้อยละ 76.11 ระบุว่า พระสงฆ์จำนวนหนึ่ง ตัดไม่ขาดจากทางโลกทำให้มีข่าวฉาวเป็นประจำ เช่น เสพยาบ้า ดื่มสุรา เล่นการพนัน ยุ่งสีกา
- ร้อยละ 45.95 ระบุว่า พระสงฆ์จำนวนหนึ่ง หลงในลาภ ยศ สรรเสริญและตำแหน่งทางสงฆ์
- ร้อยละ 45.80 ระบุว่า พระสงฆ์จำนวนหนึ่ง หลงในวัตถุนิยมหรือบริโภคนิยม
- ร้อยละ 40.00 ระบุว่า พระสงฆ์จำนวนหนึ่ง ออกบวชเพราะมองว่าพระคืออาชีพหนึ่งที่สามารถสร้างรายได้
- ร้อยละ 29.16 ระบุว่า วัดบางแห่ง มีความเป็นพุทธพาณิชย์
- ร้อยละ 27.63 ระบุว่า วัดบางแห่ง มีการบริหารจัดการทรัพย์สิน ที่ไม่โปร่งใส
- ร้อยละ 25.42 ระบุว่า องค์กรที่ดูแลพระพุทธศาสนาอ่อนแอขาดประสิทธิภาพในการตรวจสอบป้องกัน
- ร้อยละ 23.74 ระบุว่า พระสงฆ์จำนวนหนึ่ง ไม่อยู่ในหลักพระธรรมวินัยมีพฤติกรรมก้าวร้าว
- ร้อยละ 16.72 ระบุว่า ญาติโยม/ลูกศิษย์จำนวนหนึ่ง ชอบชักนำให้พระสงฆ์ประพฤติหรือทำกิจกรรมที่ผิดหลักพระธรรมวินัย และการปกครองภายในวัดไม่มีประสิทธิภาพทำให้มีข่าวฉาวเป็นประจำ ในสัดส่วนที่เท่ากัน
- ร้อยละ 13.59 ระบุว่า พระสงฆ์จำนวนหนึ่ง หลงตัวเอง ชอบโฆษณาอภินิหารเกินความจริง (อวดอุตริมนุสธรรม)
- ร้อยละ 11.60 ระบุว่า วัดบางแห่ง โฆษณาชวนเชื่อให้คนทำบุญเกินตัว/เกินเหตุจำเป็น
- ร้อยละ 8.32 ระบุว่า พระสงฆ์จำนวนหนึ่ง มีคำสอนที่บิดเบือนคำสอนทางพระพุทธศาสนา
- ร้อยละ 7.79 ระบุว่า พระสงฆ์จำนวนหนึ่ง เน้นพิธีกรรมทางไสยศาสตร์มากกว่าคำสอนทางพุทธศาสนา
- ร้อยละ 1.68 ระบุว่า พระสงฆ์จำนวนหนึ่ง ชอบยุ่งการเมือง/เลือกข้าง
- ร้อยละ 0.46 ระบุว่า พระพุทธศาสนาในปัจจุบันไม่มีปัญหาใด ๆ เลย
ด้านความศรัทธาของประชาชนต่อศาสนาและพระสงฆ์ จากกรณีข่าวฉาวของพระสงฆ์ในปัจจุบัน พบว่า
- ความศรัทธาในพระสงฆ์
ตัวอย่าง ร้อยละ 58.40 ระบุว่า ลดลง และร้อยละ 41.60 ระบุว่า เท่าเดิม - ความศรัทธาในศาสนาพุทธ
ตัวอย่าง ร้อยละ 68.55 ระบุว่า เท่าเดิม และร้อยละ 31.45 ระบุว่า ลดลง
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อร่าง พ.ร.บ. ส่งเสริมพุทธศาสนิกชนในการอุปถัมภ์ และคุ้มครองพระพุทธศาสนาที่กำหนดโทษจำคุก ปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ พระสงฆ์และ/หรือฆราวาส ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม พบว่า
พระสงฆ์ที่ต้องอาบัติปาราชิก หรือประพฤติล่วงละเมิดพระธรรมวินัย
- ร้อยละ 80.76 ระบุว่า เห็นด้วยมาก
- ร้อยละ 13.59 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย
- ร้อยละ 3.82 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย
- ร้อยละ 1.83 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย
หญิงหรือชายสมัครใจเสพเมถุนกับพระภิกษุหรือสามเณร
- ร้อยละ 17 ระบุว่า เห็นด้วยมาก
- ร้อยละ 15.03 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย
- ร้อยละ 3.97 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย
- ร้อยละ 2.60 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย
- ร้อยละ 0.23 ระบุว่า ไม่ตอบ
พระสงฆ์อวดอุตริมนุสธรรม
- ร้อยละ 63 ระบุว่า เห็นด้วยมาก
- ร้อยละ 17.56 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย
- ร้อยละ 8.55 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย
- ร้อยละ 4.89 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย
- ร้อยละ 0.37 ระบุว่า ไม่ตอบ
ผู้ทำการล้อเลียน ดูหมิ่น ทำให้เข้าใจผิดในสาระสำคัญของพระพุทธศาสนา
- ร้อยละ 35 ระบุว่า เห็นด้วยมาก
- ร้อยละ 19.92 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย
- ร้อยละ 10.84 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย
- ร้อยละ 4.81 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย
- ร้อยละ 0.08 ระบุว่า ไม่ตอบ
ผู้กล่าวหาพระสงฆ์ให้มีมลทินโดยไม่มีหลักฐาน
- ร้อยละ 44 ระบุว่า เห็นด้วยมาก
- ร้อยละ 20.84 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย
- ร้อยละ 11.76 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย
- ร้อยละ 4.96 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย