“มาริษ เสงี่ยมพงษ์” รมว.กต. ชี้ไทยยึดหลักกฎหมายสากล หวังหาทางลงร่วมกับกัมพูชาผ่านการเจรจา ไม่ดันทุรังไปศาลโลก ย้ำ MOU43 เป็นกรอบลดตึงเครียด ไม่ใช่ข้อตกลงเสียดินแดน
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่า ไทยยังยึดแนวทางการแก้ไขข้อพิพาทชายแดนกับกัมพูชาโดยอาศัยกลไกเจรจา ไม่ใช่การนำข้อพิพาทขึ้นศาลโลก พร้อมชี้แจงว่าเหตุการณ์ปะทะเมื่อ 28 พฤษภาคมที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ฝ่ายไทยไม่ได้เป็นผู้เริ่มก่อน แต่เป็นการป้องกันอธิปไตยตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และการประสานงานระหว่างรัฐบาลกับกองทัพเป็นไปอย่างเหมาะสม พร้อมเตือนว่าการขุดคูเลตในพื้นที่ที่ยังไม่มีข้อตกลงชัดเจนเป็นการละเมิดบันทึกความเข้าใจปี 2543 (MOU43)
รัฐมนตรีต่างประเทศยังเน้นว่า MOU43 ไม่ใช่ข้อตกลงยอมรับการเปลี่ยนแปลงเขตแดน หากแต่เป็นกรอบลดความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ และเปิดทางสู่กระบวนการปักปันเขตแดนในอนาคต การยกเลิก MOU จึงไม่ใช่ทางออก แต่กลับจะทำให้ขาดช่องทางการหารือ ทั้งนี้ ไทยได้มีหนังสือประท้วงต่อกัมพูชาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศแล้ว และพยายามผลักดันให้ใช้เวที JBC และ RBC กลับมาพูดคุย พร้อมชี้ว่าการสื่อสารหลังไมค์ รวมถึงการโทรศัพท์พูดคุย ถือเป็นกลไกปกติทางการทูต ไม่ควรเปิดเผยสู่สาธารณะจนทำลายกระบวนการ
นอกจากนี้ นายมาริษยังกล่าวถึงการควบคุมด่านชายแดนว่า เป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยท่ามกลางความไม่แน่นอน โดยรัฐบาลได้สั่งทุกหน่วยงานช่วยเหลือประชาชนชายแดน ทั้งการซื้อผลผลิตเกษตรกรและดูแลผู้ได้รับผลกระทบ ขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศยังเตรียมพร้อมแผนอพยพคนไทยในตะวันออกกลางกรณีอิสราเอล-อิหร่านด้วย โดยมีศูนย์พักพิงชั่วคราวและกองทัพพร้อมสนับสนุนการเคลื่อนย้าย
