สมชัย ศรีสุทธิยากร ชี้ พีรพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ คือตัวแปรสำคัญของรัฐบาลแพทองธาร หากถอนตัวอาจเป็นจุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์การเมืองไทย
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และนักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ วิเคราะห์สถานการณ์การเมืองล่าสุดว่า การคงอยู่ของรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ในเวลานี้ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายพีรพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งถือเป็นตัวแปรสำคัญที่กำหนดทิศทางของรัฐบาล และอาจนำไปสู่จุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์การเมืองไทย
จากองค์ประกอบของสภาที่มีทั้งหมด 495 เสียง เสียงเกินครึ่งต้องมีอย่างน้อย 248 เสียง ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลเมื่อหักเสียงของพรรคภูมิใจไทย เหลือ 255 เสียง โดยพรรครวมไทยสร้างชาติมี 36 เสียง หากถอนตัว แม้จะเหลือครึ่งเดียวคือ 18 เสียง เสียงรัฐบาลก็ยังตกไปต่ำกว่าครึ่งในทันที นั่นหมายถึงความเสี่ยงสูงที่จะไม่สามารถผลักดันร่างกฎหมายสำคัญได้ตั้งแต่วันแรก
สมชัยระบุว่า ข้อเสนอของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ต้องการให้นายชัยเกษม นิติสิริ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทนแพทองธาร เป็นการเจรจาที่ทรงพลัง หากเพื่อไทยยืนยันจะให้งบประมาณปี 2569 ผ่านก่อน โดยขอให้นายกฯ ลาออกภายหลัง ก็ไม่อาจใช้เป็นเหตุผลทางรัฐธรรมนูญได้ เพราะฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติแยกจากกัน และการลาออกของนายกฯ ไม่เท่ากับการยุบสภา
ทั้งนี้ หากพีรพันธุ์เลือกตัดสินใจถอนตัว จะเป็นวินาทีที่ถูกจารึกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เช่นเดียวกับกรณีของ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ ที่เคยเสนอชื่อนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกฯ กลางวิกฤตปี 2535 แต่หากเลือกอยู่ต่อเพื่อแลกตำแหน่งรัฐมนตรี ชื่อของพีรพันธุ์และพรรครวมไทยสร้างชาติ อาจต้องถูกจารึกไว้ในอีกบริบทหนึ่งของประวัติศาสตร์
