เป็นระยะเวลามากกว่า 1 เดือนแล้วนับตั้งแต่ 28 มี.ค. แผ่นดินไหวที่เมียนมา 7.7 แมนิจูด ส่งผบกระทบถึงไทย ทำให้อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. แห่งใหม่ที่อยู่ระหว่างก่อสร้างด้วยงบประมาณหลัก 2 พันล้านถล่มลงมา มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมากในสังคม
ล่าสุด นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ เปิดเผยความคืบหน้าการรื้อซาก ค้นหาผู้สูญหายที่ติดค้างอยู่ในซากเป็นไปได้ด้วยดี รื้อไปจนถึงบันไดชั้นใต้ดิน ซึ่งไม่น่าจะมีผู้ติดค้างอยู่แล้ว ส่วนวันนี้จะเดินหน้ารื้อต่อที่บันไดฝั่งซ้าย ค้นหาผู้สูญหายอีก 14 คนที่ยังติดค้างอยู่
ที่ผ่านมามีการรายงานตัวเลขผู้สูญหาย 8 คน แต่ทางตำรวจเพิ่มจำนวนคนมาอีก 6 คน ทำให้คนสูญหายเพิ่มขึ้นคงเหลือรวมจำนวน 14 คน โดยในจำนวนนี้ มีชิ้นส่วนที่พบ และได้ส่งให้พิสูจน์หลักฐานตำรวจตรวจ DNA และรอการยืนยันกลับมา จึงจะอัปเดตผู้เสียชีวิตเพิ่ม ส่วน 6 คน ที่เพิ่มมานั้นส่วนตัวไม่ได้ดูในรายละเอียด เข้าใจว่าอาจจะมีการแจ้งไว้วันแรกและมีการสืบสวนกันเพิ่มเติม อาจจะต้องไปสอบถามข้อมูลจากทางพิสูจน์หลักฐานอีกครั้ง
ส่วนพื้นที่ที่จะต้องทำการค้นหาเพิ่มเติม คือบริเวณโถงทางเดิน ที่เชื่อมไปยังอาคารจอดรถด้านหลัง และบริเวณโดยรอบอาคารที่มีของหล่นลงมาตกทับ ทั้งนี้คาดว่าจะยังคงทำงานต่อเนื่องอีกประมาณ 3-4 วันจะสามารถเปิดพื้นที่ได้หมด
ส่วนการพิสูจน์หลักฐานทางกรมโยธาธิการร่วมกับตำรวจพิสูจน์หลักฐาน เราพยายามให้ความร่วมมือเต็มที่จะให้มีการเก็บหลักฐาน ทราบว่ามีจัดการเก็บตัวอย่างไปหลายร้อยชิ้นแล้ว และหลังจากนี้จะต้องไปตรวจสอบดูว่าในพื้นที่ไหนที่จะต้องทำการยุติการค้นหา ก่อนจะมีการส่งคืนพื้นที่ให้ สตง.เจ้าของเรื่อง
ส่วนผู้ประกอบการโดยรอบพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจะมีการหารือกับปภ.เพื่อดูเรื่องการเยียวยาหรือไม่ นายชัชชาติ กล่าวว่า จริงๆ มี 2 ส่วนคือ ผลกระทบจากการจอดรถต่างๆ ซึ่งพยายามคืนพื้นที่ไปเยอะแล้ว และ ผลกระทบจากด้านอื่นจะต้องตรวจสอบอีกครั้งว่าอยู่ในกระบวนการเยียวยาหรือไม่ ซึ่งมีหลายปัจจัยจะต้องแยกให้ชัดเจนว่ามีผลกระทบจากแผ่นดินไหวเท่าไหร่และมีผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจบริเวณนี้อย่างไร ซึ่งได้ให้ทางผู้อำนวยการสำนักงานเขตจตุจักรรวบรวมข้อมูล โดยหน้าที่หลักของกรุงเทพมหานครคือการค้นหาผู้ที่ยังติดค้างเพื่อส่งคืนญาติ
โดยข้อมูลศูนย์ปฏิบัติการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รายงานข้อมูล การตรวจพิสูจน์ยืนยันเอกลักษณ์บุคคลได้แล้วจำนวน 63 ราย ส่งคืนศพให้ญาติเรียบร้อยแล้วจำนวน 45 ราย โดยมีศพและชิ้นส่วนศพที่รับเข้าระบบนิติเวช รพ.ตำรวจ จำนวน 78 ราย 286 ชิ้นส่วน
