วันที่ 9 เมษายน 2568 ที่อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) 2 ดินแดง ในการประชุมสภากทม. สมัยประชุมสามัญ สมัยที่สอง (ครั้งที่ 2) ประจำปีพุทธศักราช 2568 นายนภาพล จีระกุล สก.บางกอกน้อย ในฐานะประธานคณะกรรมการวิสามัญศึกษาระบบขนส่งมวลชนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ได้รายงานสรุปคณะกรรมการวิสามัญฯ พิจารณาเสร็จแล้ว ในกรณีหนี้สินค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2
ซึ่งกรุงเทพมหานครโดยบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (KT) ค้างชำระอยู่ ตั้งแต่ปี 2562 ว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้ประชุมพิจารณาปัญหาดังกล่าว โดยได้เชิญผู้เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลทุกด้าน มีการพิจารณาสัญญา ระเบียบ กฎหมาย คำฟ้อง คำพิพากษาของศาลปกครองกลาง ศาลปกครองสูงสุด และแนวคำพิพากษาที่เกี่ยวข้อง จนได้ข้อสรุปเป็นข้อเสนอแนะต่อ สภากรุงเทพมหานคร และผู้บริหารกรุงเทพมหานคร
นายนภาพล กล่าวว่า หนี้ค้างชำระกับบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ รถไฟฟ้าบีทีเอส มีทั้งหมด 3 ส่วน ซึ่งกทม. ควรเร่งดำเนินการจ่ายทั้งหมด โดยแบ่งเป็นส่วนที่ 1 หนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงปี 2564 – 2565 ที่รถไฟฟ้าบีทีเอส ฟ้องศาลปกครองกลางแล้ว จำนวนกว่าหมื่นล้านบาท, ส่วนที่ 2 หนี้ที่ยังได้ฟ้องต่อศาลปกครองในปี 2565 – 2567 และส่วนที่ 3 หนี้ตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 เป็นต้นมา
“ดังนั้นคณะกรรมการวิสามัญฯ เห็นว่าผู้บริหารกทม. ควรเร่งชำระหนี้ส่วนที่ 1 และหนี้ส่วนที่ 2 เพราะหนี้ส่วนดังกล่าวรวมกันเป็นเงิน ประมาณสองหมื่นกว่าล้านบาท ซึ่งขณะนี้กทม. และ KT ต้องแบกรับภาระดอกเบี้ย ตกประมาณวันละ 5 ล้านบาทเศษ ซึ่งหากจะต่อสู้ทางคดีปกครองต่อไป ย่อมไม่เป็นผลดีต่อทางราชการ” นายนภาพล กล่าว
นายนภาพล กล่าวว่า สำหรับหนี้ส่วนที่ 3 ตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 เป็นต้นมา ที่ต้องชำระในวันที่ 20 ของเดือนถัดไปนั้น กทม.ควรนำเงินค่าโดยสารที่เก็บมาแล้ว ทยอยจ่ายสมทบเป็นค่าจ้างส่วนที่ขาด ส่วนจะจ่ายได้กี่เดือนก็จ่ายไปตามนั้น ที่ยังขาดกทม. ก็ควรตั้งเสนอสภากทม. เพื่อตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี รวมทั้งผู้บริหารกทม. ควรเจรจากับรถไฟฟ้าบีทีเอส เพื่อหาข้อยุติและต่อรองเรื่องเงินต้นและดอกเบี้ย ในลำดับต่อไป
