DSI ประชุมนัดแรกคดีฮั้วเลือก สว. ปี 67 เตรียมเรียกพยานสอบ จับตาผู้มีเอี่ยวกว่า 7,000 ราย
วันนี้ (21 มีนาคม 2568) พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เป็นประธานการประชุมคณะพนักงานสอบสวนในคดีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ประจำปี 2567 ซึ่งถูกยกระดับเป็น คดีพิเศษ โดยการประชุมครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งแรก มีคณะพนักงานสอบสวนจากทั้ง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และ สำนักงานอัยการสูงสุด เข้าร่วม
พ.ต.ต.ยุทธนา เปิดเผยว่า วาระหลักของการประชุมวันนี้คือ
• การนำเสนอข้อเท็จจริงของคดี
• การเทียบข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
• การวางกรอบแนวทางสืบสวนสอบสวน
• การกำหนดกรอบระยะเวลาให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน
มุ่งสอบพยานที่เกี่ยวข้องกับการรับโอนเงิน
หลังจากนี้ DSI เตรียมเรียกพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการ ฮั้วเลือก สว. มาสอบปากคำ โดยจะมุ่งเป้าไปยังพยานที่เกี่ยวข้องกับ การโอนเงิน หากพยานให้ข้อมูลและรู้สึกไม่ปลอดภัย DSI พร้อมนำเข้าสู่ โครงการคุ้มครองพยาน
แม้มีรายชื่อกว่า 7,000 คน ที่อาจเกี่ยวข้องในกระบวนการ เจ้าหน้าที่จะคัดเฉพาะ พยานปากสำคัญ ที่มีข้อมูลชัดเจน เพื่อความรวดเร็วในการดำเนินคดี
ตั้งเป้าประชุมเดือนละ 1 ครั้ง สรุปสำนวนภายใน 3 เดือน
คณะพนักงานสอบสวนมีข้อเสนอให้นัดประชุมอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อให้สามารถสรุปสำนวนได้ภายใน 3 เดือน ตามกรอบระยะเวลาที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีอำนาจไต่สวนและเพิกถอน สว. จากตำแหน่ง
ขณะเดียวกัน DSI ได้ส่งเจ้าหน้าที่ 3 ราย เข้าร่วม คณะกรรมการไต่สวนของ กกต. เพื่อร่วมพิจารณาคดีในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา
สำหรับภารกิจของ DSI จะเน้นด้าน คดีอาญา เป็นหลัก โดยเฉพาะ ความผิดตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน และหากพบพฤติกรรมผิดกฎหมายเพิ่มเติม พนักงานสอบสวนสามารถดำเนินคดีในฐานอื่นได้ โดยต้องจัดลำดับความสำคัญและแยกการดำเนินคดีให้ชัดเจน
อัยการพร้อมสอบทันที หากพบพยานหลักฐานชัด
นายสุริยน ประภาสะวัต อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 1 ระบุว่า หากพบพยานหลักฐานที่ระบุชัดเจนว่าบุคคลใดมีส่วนกระทำผิด ก็สามารถเรียกมาสอบปากคำได้ทันที โดยไม่ต้องรอขั้นตอนอื่นเพิ่มเติม
DSI ไม่หวั่นถูกร้อง ป.ป.ช. ปมตรวจสอบรมว.ยุติธรรม
พ.ต.ต.ยุทธนา ยังกล่าวถึงกรณีที่มีสมาชิก สว. บางส่วนไปร้อง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบจริยธรรมของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และตนเอง ว่า ไม่รู้สึกกังวล เพราะการดำเนินการทั้งหมดเป็นไปตามอำนาจหน้าที่
“หากมีผู้ร้องทุกข์เข้ามาแล้วไม่ดำเนินการ เจ้าหน้าที่เองก็อาจมีความผิด ดังนั้นทุกขั้นตอนที่ดำเนินการ เราทำตามกรอบของกฎหมาย”