นายกฯ ลงพื้นที่นครสวรรค์ ชื่นชมผลงานตำรวจ ยึดยาบ้า 20 ล้านเม็ด ย้ำไม่มีการวนของกลาง
เมื่อเวลา 13.15 น. วันที่ 21 มีนาคม 2568 นางสาว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะออกเดินทางจากกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ฯ กรุงเทพฯ ไปยังจังหวัดนครสวรรค์ โดยมี นางสาวชุติพร เสชัง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ และ ทรงศักดิ์ ส่งเสริมอุดมชัย ส.ส. พรรคเพื่อไทย ให้การต้อนรับ
จากนั้น นายกรัฐมนตรีเดินทางไปยัง ด่านตรวจยานพาหนะพยุหะคีรี เพื่อติดตามการปฏิบัติงานปราบปรามยาเสพติด โดยมี พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. รายงานผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติด 7 คดีใหญ่ รวมของกลาง ได้แก่
• ยาบ้า 20,080,000 เม็ด
• ไอซ์ 700 กิโลกรัม
• คีตามีน 199 กิโลกรัม
• ผู้ต้องหา 20 คน
• รถยนต์ 14 คัน
ตำรวจนำเสนอวิธีซุกซ่อนยาเสพติดในรถที่ดัดแปลง รวมถึงการใช้เครื่องเอกซเรย์เพื่อลดเวลาในการตรวจค้น ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ชมการสาธิตตรวจรถต้องสงสัย และดูระบบควบคุมภาพเอกซเรย์
นายกฯ ได้สอบถามถึงรูปแบบแพ็กเกจยาเสพติด และวิธีตรวจค้นตัวผู้ต้องสงสัย พร้อมเน้นย้ำความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่
⸻แพทองธาร ย้ำเอาจริงปราบยาเสพติดครบวงจร พร้อมเร่งกระจายเครื่องเอกซเรย์ทั่วประเทศ
นายกรัฐมนตรีกล่าวแถลงว่า ผลการจับกุมในวันนี้ถือเป็นความร่วมมือของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย และเป็นผลจากนโยบายปราบปรามยาเสพติดที่เริ่มดำเนินการจริงจังตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567
“การจับกุมในวันนี้ถือว่าครอบคลุม ตั้งแต่ผู้ค้ารายย่อยไปจนถึงต้นตอรายใหญ่ บางรายมีการออกหมายจับไปแล้ว รวมถึงที่อยู่ต่างประเทศ ซึ่งรัฐบาลจะประสานความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อดำเนินคดีให้ถึงที่สุด” นายกฯ กล่าว
นายกฯ ยืนยันด้วยว่า ขณะนี้ราคาค่าจ้างในการลำเลียงยาเสพติดแพงขึ้น สะท้อนถึงการทำงานที่เข้มข้นของเจ้าหน้าที่ การจับยาเสพติดทำได้ยากขึ้น ส่งผลให้ราคาตลาดสูงขึ้นและของหายากขึ้น
พร้อมเน้นว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการดูแลเจ้าหน้าที่แนวหน้า โดยจะพิจารณางบประมาณสร้างขวัญและกำลังใจตามระเบียบที่ถูกต้อง
⸻
ย้ำของกลางไม่มีวนกลับแน่นอน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความมั่นใจว่าของกลางจะไม่ถูกนำกลับมาใช้ในกระบวนการอีก นายกรัฐมนตรีตอบว่า
“ไม่มีค่ะ ยืนยันไม่มีการวนของกลาง เจ้าหน้าที่ทุกคนทราบดีว่ามีมาตรการเข้มงวด มีการนับจำนวนชัดเจน รอการทำลายอย่างโปร่งใส โดยมีหลายฝ่ายรับผิดชอบร่วมกัน”
นายกฯ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การยึดทรัพย์ผู้ค้ายาเป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญ ซึ่งดำเนินการควบคู่ไปกับการดำเนินคดีทุกรูปแบบ
⸻
บำบัด-ฝึกอาชีพ ฟื้นฟูผู้เสพ สู่สังคม
นายกรัฐมนตรีระบุว่า รัฐบาลไม่มองผู้เสพยาเป็นคนไม่ดี แต่เป็นผู้ที่ต้องการโอกาส โดยได้เริ่มโครงการบำบัดและฝึกอาชีพในศูนย์บำบัดต่าง ๆ เพื่อให้ผู้เสพสามารถกลับคืนสู่สังคม และลดโอกาสกลับไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดอีก
“เราต้องช่วยให้เขามีอาชีพ มีทางเลือกในชีวิต” นายกฯ กล่าว
⸻
เร่งเครื่องเอกซเรย์ทั่วประเทศ ก.ย.นี้ต้องครบ
เมื่อถูกถามถึงเครื่องเอกซเรย์ที่ยังไม่เพียงพอ นายกรัฐมนตรีระบุว่า รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณตั้งแต่รัฐบาลชุดก่อน และตั้งเป้าให้เครื่องพร้อมใช้งานทั่วประเทศภายในเดือนกันยายน 2568
“ถ้าเครื่องไหนเสร็จก่อน ให้รีบติดตั้งและใช้งานทันที เพราะการเอกซเรย์สามารถช่วยจับยาได้ทันที ถือว่าแม่นยำและสำคัญมาก”
⸻
ไม่ละเว้นคนมีสี – พร้อมขยายผลสู่ตัวการใหญ่
ในคดีทั้ง 7 ที่จับกุมได้นั้น นายกฯ ยืนยันว่า ยังไม่พบคนมีสีเกี่ยวข้อง แต่หากพบภายหลังจะดำเนินคดีโดยไม่ละเว้น พร้อมเปิดเผยว่า มีการออกหมายจับตัวการใหญ่แล้ว ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ
⸻
รัฐบาลพร้อมประสานต่างประเทศ จับกุมผู้ต้องหาหลบหนี
กรณีผู้ต้องหาที่หลบหนีไปต่างประเทศ นายกฯ กล่าวว่า หากมีการประสานจากเจ้าหน้าที่ รัฐบาลพร้อมเจรจากับทุกประเทศที่มีความร่วมมือ โดยอ้างอิงจากความสำเร็จในคดีอื่น ๆ เช่น call center และการช่วยเหลือน้ำท่วม
“การคุยกันในระดับผู้นำสามารถช่วยผลักดันได้เสมอ”
สำหรับภารกิจครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีใช้รถ Lexus ทะเบียน 5ขส 45 กรุงเทพมหานคร ระหว่างลงพื้นที่ติดตามคดียาเสพติดในจังหวัดนครสวรรค์