DSI – กรมศุลกากร – สตช. ยึดบุหรี่ไฟฟ้าลักลอบนำเข้า กว่า 120,000 ชิ้น มูลค่ากว่า 21 ล้านบาท
ตามนโยบายของรัฐบาล ภายใต้การนำของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่มีคำสั่งให้หน่วยงานภาครัฐเร่งปราบปรามการลักลอบนำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในเด็กและเยาวชน โดยกำหนดให้ต้องดำเนินการอย่างจริงจังภายใน 30 วัน
ล่าสุด วันนี้ (20 มีนาคม 2568) นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม และ พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้ลงพื้นที่สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง พร้อมด้วย นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร นายดิเรก คชารักษ์ รองอธิบดีกรมศุลกากร และ นายวุฒิ เร่งประดุงทอง ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อแถลงผลการตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้าลักลอบนำเข้าจำนวน 121,490 ชิ้น มูลค่ากว่า 21,868,200 บาท
สินค้าดังกล่าวถูกตรวจพบใน ตู้คอนเทนเนอร์หมายเลข TSSU5129398, BSIU9619966, TXGU5418901 และ JXLU7999350 ซึ่งซุกซ่อนบุหรี่ไฟฟ้าชนิดใช้แล้วทิ้งปะปนมากับสินค้าอื่น โดยพบว่าการนำเข้าเป็นการลักลอบฝ่าฝืนกฎหมายหลายฉบับ ได้แก่
• พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560
• ประกาศกระทรวงพาณิชย์ พ.ศ. 2557 ที่กำหนดให้บารากู่, บารากู่ไฟฟ้า และบุหรี่ไฟฟ้า เป็นสินค้าต้องห้ามนำเข้า
• ประกาศกรมศุลกากรที่ 185/2564 ว่าด้วยพิธีการศุลกากรผ่านแดนทางอิเล็กทรอนิกส์
การตรวจยึดครั้งนี้เป็นผลจากการสืบสวนภายใต้การอำนวยการของ นายธานินทร์ เปรมปรีดิ์ ผู้อำนวยการกองคดีภาษีอากร ซึ่งได้มอบหมายให้ พันตำรวจตรี กล้าหาญ คล่องพยาบาล รองผู้อำนวยการกองคดีภาษีอากร และ นายปัณฑ์พิสิษฐ์ วิสาลเสสถ์ ผู้อำนวยการส่วนคดีภาษีอากร 2 ดำเนินการสืบสวน พบว่ามีการลักลอบนำเข้าสินค้าดังกล่าวโดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากร
เตรียมขยายผลหาตัวการเบื้องหลัง
ของกลางที่ตรวจยึดได้จะถูกนำเข้าสู่กระบวนการประเมินราคาต่อไป ขณะที่กรมสอบสวนคดีพิเศษเตรียมเดินหน้าสืบสวนขยายผลถึงตัวการผู้อยู่เบื้องหลังเครือข่ายลักลอบนำเข้า ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ภายใต้การบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย
⸻
