เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีที่นายอรรถชัย แจ้งอรุณ ทนายความของ ดร.เมย์ วาสนา อินทะแสง นักธุรกิจพันล้าน เดินทางเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ว่าเป็นการให้ปากคำเพิ่มเติม เนื่องจากข้อมูลที่เคยให้ไว้ในการแจ้งความครั้งแรกยังไม่ครบถ้วน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะต้องสอบหลายประเด็นเพื่อให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น
สำหรับกระแสข่าวที่ว่ามีการออกหมายเรียก น.ส.อริสรา ทองบริสุทธิ์ หรือ ดิว อริสรา นั้น พ.ต.อ.เอนกยืนยันว่า ยังไม่ได้มีการออกหมายเรียก เนื่องจากคดียักยอกทรัพย์ที่ผู้เสียหายแจ้งความไว้เป็นคดีที่ต้องใช้ระยะเวลาในการสืบสวนสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานก่อนที่จะออกหมายเรียก อย่างไรก็ตาม จากการฟังข้อเท็จจริงในเบื้องต้น คดีนี้เข้าข่ายเพียงข้อหายักยอกทรัพย์ ยังไม่พบข้อหาอื่น
พ.ต.อ.เอนกกล่าวว่า ทราบว่าทนายความของดิว อริสรา ได้ติดต่อเข้ามาเพื่อพบตำรวจ แต่ยังไม่ทราบว่าจะมาพูดคุยในประเด็นใด ส่วนประเด็นที่ว่าคดีนี้จะเป็นคดีแพ่งหรืออาญานั้น ต้องพิจารณาจากรายละเอียดก่อน หากมีการนำทรัพย์สินไปเปลี่ยนแปลงเป็นทรัพย์สินของตัวเองหรือผู้อื่นโดยทุจริต จะเข้าข่ายเป็นเรื่องการยักยอกทรัพย์ ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี
“อย่างไรก็ตาม เราต้องดำเนินการตามขั้นตอนออกหมายเรียกก่อน เว้นแต่ผู้ถูกกล่าวหาไม่มีที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง หรือหนีไปแล้ว ก็สามารถออกหมายจับได้เลย” พ.ต.อ.เอนกกล่าว พร้อมระบุว่า คดียักยอกทรัพย์สามารถยอมความกันได้ หรือถ้าผู้เสียหายถอนความร้องทุกข์ คดีอาญาก็จะยุติ
สำหรับกรณีที่ดิว อริสรา อยู่ที่ไต้หวันและจะต้องเชิญเข้ามาให้ปากคำหรือไม่นั้น พ.ต.อ.เอนกชี้แจงว่า เป็นสิทธิของผู้ถูกกล่าวหา หากตรวจสอบพบว่าเป็นการกระทำความผิดและมีการออกหมายเรียก แต่ผู้ถูกกล่าวหายังไม่เข้าพบพนักงานสอบสวน หรืออยู่ต่างประเทศ ก็อาจจะเข้าข่ายหลบหนี อย่างไรก็ตาม ต้องพิจารณามูลเหตุก่อน อาจเป็นไปได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาติดภารกิจ ยังไม่สามารถเดินทางกลับมาได้ จึงต้องให้ความเป็นธรรมในประเด็นนี้
ในส่วนของทรัพย์สินของ ดร.เมย์ ที่ตกไปอยู่กับบุคคลที่สาม พ.ต.อ.เอนกอธิบายว่า หากเป็นเรื่องยักยอกและสิ่งของนั้นไปอยู่กับบุคคลที่สาม จะต้องตรวจสอบก่อนว่าบุคคลนั้นรู้เรื่องด้วยหรือไม่ หากรู้และมีพฤติกรรมซ่อนเร้น ก็จะเข้าข่ายรับของโจร ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับเจตนาของบุคคลที่สาม
“ถ้าทรัพย์สินพิสูจน์ได้ว่าเป็นทรัพย์สินที่มาจากการกระทำความผิด ทางตำรวจก็สามารถยึดได้เลย และหากผู้ที่ครอบครองทรัพย์สินในขณะนี้ทราบว่าเป็นทรัพย์ของ ดร.เมย์ ก็สามารถนำมาคืนให้กับตำรวจได้ ส่วนความเสียหายก็ไปฟ้องไล่เบี้ยกับดิว” พ.ต.อ.เอนกกล่าว พร้อมเปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการเรียกบุคคลที่สามเข้าพบ แต่หากตรวจสอบพบว่าทรัพย์สินไปอยู่ที่ใคร ก็จะต้องเชิญบุคคลนั้นมาให้ปากคำ
เมื่อสื่อถามถึงกระแสข่าวที่ว่าสร้อยเพชรไปอยู่ที่รัฐมนตรีท่านหนึ่ง และตำรวจจะลำบากใจในการทำคดีหรือไม่ พ.ต.อ.เอนกยืนยันว่า ไม่ลำบากใจ หากรู้ว่าทรัพย์สินอยู่ที่ใด ก็จะต้องเรียกบุคคลนั้นมาสอบสวน ขณะเดียวกัน หลังจากนี้ก็ต้องเรียก ดร.เมย์ ผู้เสียหายเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยตัวเอง