จากเหตุการณ์สะพานถล่มระหว่างก่อสร้างบนถนนพระราม 2 หลายครั้ง นับตั้งแต่ เหตุโครงเหล็ก (Launching Truss) พังถล่ม พร้อมคานปูนขนาดใหญ่ (Precast Segment) เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 จนถึง เหตุคานขวางถล่มเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ล่าสุด ศ.ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย ออกมาแสดงความเห็นว่า โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ในประเทศไทยยังคงเต็มไปด้วยความไม่ปลอดภัย
“ปัญหาหลักมาจากความซับซ้อนของงานก่อสร้างที่ต้องใช้วิศวกรรมระดับสูง ผู้ปฏิบัติงานทุกระดับต้องมีความรู้และเข้าใจอย่างแท้จริง และผู้รับเหมาจะต้องไม่ลดต้นทุนด้านความปลอดภัย”
7 มาตรการแก้ปัญหาสะพานถล่ม
สมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย เสนอ 7 มาตรการหลัก เพื่อแก้ปัญหาที่ต้นตอ และป้องกันเหตุโศกนาฏกรรมซ้ำรอย ดังนี้
1️⃣ ทบทวนมาตรฐานก่อสร้าง – ควรตรวจสอบทุกโครงการที่กำลังดำเนินการ ทั้งกระบวนการทำงาน วัสดุ อุปกรณ์ และเพิ่มความถี่ในการตรวจสอบ
2️⃣ ออกกฎหมาย “การก่อสร้างควบคุม” – ควบคุมงานก่อสร้างที่ซับซ้อน เช่น การใช้โครงเหล็กเลื่อน โดยกำหนดให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องผ่านการอบรมและได้รับใบอนุญาตก่อนปฏิบัติงาน
3️⃣ กำกับการจ้างรับเหมาช่วง – ป้องกันปัญหาผู้รับเหมาช่วงไร้คุณภาพ ที่มักถูกจ้างเพราะเสนอราคาต่ำ รัฐควรมีระบบขึ้นทะเบียนผู้รับเหมาช่วง
4️⃣ ควบคุมมาตรฐานเครื่องจักรโครงเหล็ก – โดยเฉพาะโครงเหล็กเลื่อนที่ต้องเคลื่อนย้ายระหว่างการก่อสร้าง ควรมีมาตรการตรวจสอบเพื่อความปลอดภัย
5️⃣ เพิ่มงบประมาณด้านความปลอดภัย – จัดสรรงบเฉพาะสำหรับการคำนวณโครงสร้างระหว่างก่อสร้าง ไม่ให้ผู้รับเหมารับภาระนี้เอง
6️⃣ มีคนกลางร่วมตรวจสอบ – กำหนดให้มีหน่วยงานภายนอกหรือองค์กรวิชาชีพร่วมสุ่มตรวจสอบ และติดตั้งกล้องวงจรปิดที่ไซต์งานเป็นหลักฐาน
7️⃣ ลงโทษผู้รับเหมาที่ละเมิดมาตรฐานอย่างจริงจัง – บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดกับผู้รับเหมาที่ละเลยมาตรฐานความปลอดภัย
ศ.ดร.อมร ย้ำว่า หมดเวลาถอดบทเรียน ถึงเวลาต้องลงมือแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เพื่อป้องกันเหตุการณ์สะพานถล่มซ้ำรอย และรักษาความเชื่อมั่นด้านวิศวกรรมและความปลอดภัยของโครงสร้างพื้นฐานในประเทศ