เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ นำทีมกระทรวงอุตสาหกรรม ทลายเครือข่ายลักลอบบรรจุ-จำหน่ายสารเคมีอันตรายกลางชุมชน พบหลักฐานเชื่อมโยงโกดังต้องสงสัย เคยถูกกรมศุลกากรยึดอายัด แต่ยังลักลอบดำเนินการ สั่งเดินหน้าดำเนินคดีเด็ดขาด
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า หลังได้รับร้องเรียนจากประชาชนเกี่ยวกับการลักลอบนำเข้าสารเคมีอันตรายในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบโกดังของ บริษัท เจียนหง เคมีคอล (ไทยแลนด์) จำกัด ในตำบลเชียงรากน้อย อำเภอบางปะอิน พบการลักลอบบรรจุและจำหน่ายสารเคมีอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมตรวจสอบพบวัตถุอันตรายจำนวนมาก
การตรวจค้นนำโดย นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.), สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา, ตำรวจสถานีภูธรบางปะอิน, สถานีตำรวจภูธรพระอินทร์ราชา, กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.), และกรมศุลกากร ซึ่งพบสารเคมีต้องห้ามที่เคยถูกกรมศุลกากรยึดอายัดเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2567 ได้แก่ โซเดียมซัลไฟต์, โซเดียมไฮดรอกไซด์, โพลีเฟอริกซัลเฟต, กรดซิติก, และอะลูมิเนียมคลอไรด์ รวมกว่า 1,794 กระสอบ นอกจากนี้ ยังพบ ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ และโซเดียมคลอเรต ซึ่งเป็นวัตถุอันตรายที่ต้องมีใบอนุญาตครอบครอง
จากการตรวจสอบพบว่า บริษัท เจียนหงฯ ไม่มีเอกสารการขออนุญาตนำเข้า ผลิต หรือครอบครองวัตถุอันตรายชนิดที่ 1 และ 3 ซึ่งเข้าข่ายผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 โดยมีโทษสูงสุดจำคุก 2 ปี หรือปรับ 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เจ้าหน้าที่จึงดำเนินการเก็บตัวอย่างสารเคมีไปตรวจสอบ และอายัดของกลางทั้งหมด พร้อมแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย
นอกจากนี้ ทีมสืบสวนได้ขยายผลเข้าตรวจสอบ บ้านพักเช่าในหมู่บ้านเดอะแกรนพาร์ค อำเภอบางปะอิน ซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่เก็บสารเคมี พบถังขนาด 25 ลิตร จำนวน 144 ถัง มีบางส่วนติดฉลากของบริษัท เจียนหงฯ เจ้าหน้าที่จึงเก็บตัวอย่างสารเคมีดังกล่าวเพื่อตรวจสอบเพิ่มเติม
นางสาวฐิติภัสร์ ระบุว่า กระทรวงอุตสาหกรรมจะดำเนินการตรวจสอบโรงงานและโกดังต้องสงสัยทั่วประเทศเพื่อป้องกันการลักลอบกระจายสารเคมีอันตราย และจะติดตามเส้นทางการใช้สารเคมีบางชนิดที่อาจนำไปเป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติด โดยยืนยันว่า จะดำเนินคดีผู้กระทำผิดให้ถึงที่สุด เพื่อความปลอดภัยของประชาชนและควบคุมสารเคมีอันตรายอย่างเข้มงวด
