นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ตำบลนาโคก อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร ว่าได้รับผลกระทบทางมลพิษจากกลุ่มบริษัทรีไซเคิล 4 ราย ส่งผลให้นาเกลือซึ่งเป็นอาชีพหลักของประชาชนในพื้นที่กลายเป็นเกลือสีดำ ทำให้ผลผลิตเสียหาย
สาเหตุคาดว่าเกิดจากการหลอมโลหะหนักของกลุ่มโรงงานรีไซเคิล ทำให้เกิดเขม่าและละอองรวมถึงน้ำเสียจากโรงงานไหลซึมลงสู่นาเกลือ อีกทั้งยังมีปัญหากลิ่นเหม็นรบกวน โดยเฉพาะในเวลากลางคืนที่มีการเดินเครื่องเตาหลอม
รัฐมนตรีจึงได้ส่งทีมตรวจการสุดซอยกระทรวงอุตสาหกรรม นำโดยนางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และนายเอกนิติ รมยานนท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ลงพื้นที่ตรวจสอบการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว ซึ่งในจำนวนนี้มีโรงงานที่เคยถูกสั่งระงับการประกอบกิจการชั่วคราวตามหมายค้นศาลจังหวัดสมุทรสาครด้วย
“เบื้องต้นได้รับรายงานว่า ทั้ง 4 โรงงานมีการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด เช่น ไม่พบการขออนุญาตนำสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วออกนอกบริเวณโรงงาน และไม่พบการแจ้งการขนส่ง เป็นต้น จึงสั่งให้ดำเนินคดีในทุกการกระทำผิดอย่างเด็ดขาด” นายเอกนัฏกล่าว
นอกจากนี้ รัฐมนตรีฯ ยังเปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมเตรียมพิจารณาออกหรือปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เพื่อควบคุมการจัดการมลพิษของโรงงานที่ประกอบกิจการประเภทแยกและบดย่อยชิ้นส่วน รวมทั้งที่ประกอบกิจการกำจัดกากอุตสาหกรรมและเศษอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบสร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียง ตลอดจนกำหนดแนวทางเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับเศรษฐกิจของประเทศ
ด้านนางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ เปิดเผยว่า การตรวจสอบครั้งนี้ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) นำโดย พ.ต.อ.อภิสัณฐ์ ไชยรัตน์ ผกก. 5 บก.ปทส. สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร (สอจ.) หน่วยงานส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง และภาคประชาชน ในการเข้าตรวจสอบโรงงาน 4 แห่งในพื้นที่ตำบลนาโคก อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร
โรงงานทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ 1) บริษัท เจิงฉิว (ประเทศไทย) จำกัด 2) บริษัท กิจรุ่งเรืองถาวร จำกัด 3) บริษัท อัมพรประเสริฐ จำกัด และ 4) สถานประกอบการวิชนี จากการตรวจพบว่าทั้ง 4 แห่งมีการกระทำผิดกฎหมาย สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาครจึงสั่งให้หยุดประกอบกิจการและปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้องภายใน 60 วัน โดยไม่มีการขยายเวลา ทั้งในประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อม การปล่อยมลพิษทางอากาศและน้ำเสีย หากมีการฝ่าฝืนคำสั่งลักลอบประกอบกิจการหรือไม่เร่งปรับปรุงให้แล้วเสร็จตามกำหนด จะดำเนินการยกระดับคำสั่งและดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด
ผลการตรวจสอบทั้ง 4 โรงงานพบการกระทำผิดดังนี้
1) บริษัท เจิงฉิว (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งและประกอบกิจการโรงงานผิดประเภทโดยไม่ได้รับอนุญาต และนำกากอุตสาหกรรม (เศษพลาสติก) ปล่อยน้ำเสียออกนอกโรงงานมาไว้บนพื้นที่ข้างเคียงโดยไม่ได้รับอนุญาต
2) บริษัท กิจรุ่งเรืองถาวร จำกัด มีสภาพโรงงานไม่ปลอดภัย ติดตั้งเครื่องจักรไม่ตรงตามอนุญาต และลักลอบฝังกากอุตสาหกรรม
3) บริษัท อัมพรประเสริฐ จำกัด ลักลอบฝังกลบกากอุตสาหกรรมที่ต้องสงสัยเป็นตะกรันอะลูมิเนียมดอสในพื้นที่โรงงานประมาณ 3.5 หมื่นตัน
4) สถานประกอบการวิชนี ลักลอบฝังกลบกากอุตสาหกรรมต้องสงสัยเป็นตะกรันอะลูมิเนียมดอสในพื้นที่โรงงานประมาณ 30 ตัน
ทั้ง 4 โรงงานไม่มีการแจ้งขออนุญาตขนกากอุตสาหกรรมออกจากพื้นที่และลักลอบฝังในพื้นที่ตนเอง เข้าข่ายครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต
“เบื้องต้นได้ยึดอายัดกากอุตสาหกรรมที่ต้องสงสัยเป็นอะลูมิเนียมดรอสจำนวนรวมกว่า 3.5 หมื่นตันไว้เพื่อนำตัวอย่างไปตรวจวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ หากยืนยันว่าเป็นอะลูมิเนียมดรอส ก็จะดำเนินคดีฐานครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งโทษครอบครองวัตถุอันตรายจะมีโทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และต้องทำการกำจัดวัตถุอันตรายให้ถูกต้องตามกฎหมายและดำเนินการอยู่บนหลักของความปลอดภัยไม่ให้มีผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป” นางสาวฐิติภัสร์กล่าว