
ผู้นำฝ่ายค้านยื่นหนังสือต่อประธานรัฐสภา เพื่อขอตรวจสอบ 14 กรรมการ ป.ป.ช. กรณียุติการสืบหาข้อเท็จจริงทรัพย์สินพล.อ.ประวิตร และไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลปกครอง
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมสมาชิกรัฐสภา ได้ยื่นหนังสือต่อประธานรัฐสภา เพื่อขอให้มีการตรวจสอบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยอ้างว่ามีพฤติการณ์ช่วยเหลือให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอดพ้นจากการถูกตรวจสอบกรณีนาฬิกาหรู และไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครอง
นายณัฐพงษ์เปิดเผยว่า การยื่นคำร้องครั้งนี้มีสมาชิกพรรคร่วมฝ่ายค้านร่วมลงชื่อทั้งสิ้น 145 ราย พร้อมแนบหลักฐานประกอบ 18 รายการ โดยมีประเด็นข้อกล่าวหาหลัก 3 ประเด็น ได้แก่
- ข้อกล่าวหาต่อกรรมการ ป.ป.ช. 5 ราย และอดีตกรรมการ ป.ป.ช. ในกรณีมีมติยุติการสืบหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับทรัพย์สินของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
- ข้อกล่าวหาต่อกรรมการ ป.ป.ช. 9 ราย ที่ดำรงตำแหน่งระหว่างวันที่ 16 มีนาคม 2566 – 23 พฤษภาคม 2567 กรณีลงมติไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองที่สั่งให้เปิดเผยรายละเอียดของคดีดังกล่าว
- ข้อกล่าวหาต่อประธาน ป.ป.ช. กรณีคลิปที่เผยแพร่ล่าสุด ซึ่งมีการเข้าพบประธานรัฐสภาพร้อมกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล
การยื่นเรื่องครั้งนี้มีเป้าหมายตรวจสอบกรรมการ ป.ป.ช. รวมทั้งหมด 14 ราย แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ
กลุ่มที่ 1 คือ กรรมการ ป.ป.ช. ที่พ้นจากตำแหน่งแล้ว จำนวน 5 ราย ได้แก่ นายวิทยา อาคมพิทักษ์, นายปรีชา เลิศกมลมาศ, นายณรงค์ รัฐอมฤต, นายสุรศักดิ์ ศรีวิเชียร และ พล.อ.บุณยวัจน์ เครือหงส์ ซึ่งถูกกล่าวหาว่าลงมติให้ยุติการตรวจสอบคดีนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร ทั้งที่ยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรัพย์สินและไม่ได้ขยายผลการสอบสวนไปยังแหล่งข้อมูลในต่างประเทศ
กลุ่มที่ 2 คือ กรรมการ ป.ป.ช. ที่ดำรงตำแหน่งในช่วงวันที่ 16 มีนาคม 2566 – 23 พฤษภาคม 2567 จำนวน 9 ราย ได้แก่ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ, นายณรงค์ รัฐอมฤต, นางสุภา ปิยะจิตติ, นายวิทยา อาคมพิทักษ์, นางสุวณา สุวรรณจูฑะ, นายณัฐจักร ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา, นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข, นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ และนายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ ซึ่งถูกกล่าวหาว่าฝ่าฝืนคำสั่งศาลปกครอง โดยปฏิเสธการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับคดีของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ตามที่ศาลมีคำพิพากษาให้เปิดเผยต่อประชาชน
ข้อกล่าวหาหลักต่อกรรมการ ป.ป.ช. ประกอบด้วยการช่วยเหลือ พล.อ.ประวิตร ให้รอดพ้นจากการตรวจสอบคดีนาฬิกาหรู, การไม่ดำเนินการไต่สวนเพิ่มเติมแม้ยังมีข้อสงสัย, การไม่ขอข้อมูลจากบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายนาฬิกาในต่างประเทศ, การปิดคดีโดยไม่มีการแสวงหาหลักฐานเพิ่มเติม, การจงใจละเมิดคำสั่งศาลปกครอง โดยศาลมีคำพิพากษาให้เปิดเผยเอกสาร 3 รายการที่เกี่ยวข้องกับคดี แต่ ป.ป.ช. ปฏิเสธที่จะเปิดเผย และมีการคาดดำข้อความสำคัญในเอกสารก่อนมอบให้ผู้ร้อง, การฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง, การใช้อำนาจโดยมิชอบเพื่อช่วยเหลือฝ่ายการเมือง และการทำให้กระบวนการตรวจสอบขององค์กรอิสระถูกบิดเบือน
ฝ่ายค้านและผู้ร้องเรียนได้ขอให้ประธานรัฐสภาเสนอเรื่องต่อประธานศาลฎีกา เพื่อแต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวนอิสระที่มีความเป็นกลางทางการเมือง เพื่อตรวจสอบว่ากรรมการ ป.ป.ช. ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่