“ไพบูลย์ นิติตะวัน” มองเพื่อไทยยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความแก้ รธน. ม.256 เป็นแค่การซื้อเวลา เชื่อถูกตีตกเหมือนครั้งก่อน มั่นใจรัฐบาล “แพทองธาร” น่าห่วงด้านเสถียรภาพ
นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ให้ความเห็นต่อกรณีที่พรรคเพื่อไทยเสนอญัตติด่วนให้รัฐสภามีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) โดยมองว่า เป็นเพียงเทคนิคซื้อเวลาของพรรคเพื่อไทย เพื่อแสดงให้ประชาชนเห็นว่ายังพยายามเดินหน้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งที่ทราบดีว่าเมื่อเข้าสู่การพิจารณาวาระแรก ก็จะถูกตีตกทันที
นายไพบูลย์ระบุว่า การยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความอีกครั้งนั้นไม่มีเหตุผล เนื่องจากก่อนหน้านี้ศาลได้มีคำวินิจฉัยแล้วว่า รัฐสภามีอำนาจแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา แต่ไม่มีอำนาจยกเลิกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เว้นแต่จะทำประชามติถามประชาชนเสียก่อน ซึ่งหมายความว่ารัฐสภาไม่มีอำนาจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญแบบเบ็ดเสร็จ ดังนั้น การยื่นเรื่องครั้งนี้จึงซ้ำซ้อนและมีแนวโน้มสูงว่าศาลจะยกคำร้อง
“เรื่องนี้ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยไว้ตั้งแต่ปี 2564 แล้ว และยังมีการยื่นคำร้องอีกครั้งในรัฐสภาชุดปัจจุบัน ซึ่งศาลก็ย้ำว่าประเด็นนี้ได้รับการพิจารณาไปแล้ว ครั้งนี้ก็คงไม่ต่างกัน พรรคเพื่อไทยก็จะหน้าแตกอีกครั้ง” นายไพบูลย์กล่าว
เขายังตั้งคำถามว่า เหตุใดพรรคเพื่อไทยจึงยืนยันที่จะแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับแทนที่จะแก้ไขเป็นรายมาตรา ซึ่งสามารถทำได้โดยตรง พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นเพราะพรรคต้องการปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรอิสระทั้งหมด จึงผลักดันให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ขึ้นมาเพื่อเขียนกฎหมายใหม่
นายไพบูลย์ยังกล่าวถึงแผนของพรรคเพื่อไทยที่อาจพยายามแก้ไขกฎหมายประชามติให้เหลือเพียงชั้นเดียว โดยให้ตัดสินจากเสียงข้างมากของผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งเท่านั้น แทนที่จะต้องอาศัยเสียงสนับสนุนเกินกว่ากึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิทั้งหมด ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับเป็นไปได้ยาก
อย่างไรก็ตาม เขามองว่า ปัจจัยที่น่ากังวลยิ่งกว่าการแก้รัฐธรรมนูญ คือเสถียรภาพของรัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร โดยชี้ว่าปัญหาทางเศรษฐกิจและความท้าทายรอบด้านกำลังกดดันรัฐบาล ซึ่งอาจส่งผลต่ออายุการดำรงตำแหน่งของรัฐบาลชุดนี้
