
ศาลยกฟ้อง “ตู้ห่าว” ทุกข้อหา ชูวิทย์เผย 8 ความผิดพลาดคดีจินหลิง ด้าน “บิ๊กโจ๊ก” ระบุ ตำรวจพลาดไม่เบิกความเจ้าของที่ดินหลักฐานไม่มัดตัว
ชูวิทย์ แฉ 8 ความผิดพลาดคดีตู้ห่าว หลังศาลยกฟ้องทุกข้อหา
หลังศาลอาญากรุงเทพใต้มีคำพิพากษา ยกฟ้องนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าว กับพวกในคดียาเสพติด ฟอกเงิน และอั้งยี่ เนื่องจาก พยานหลักฐานไม่มีน้ำหนักเพียงพอ ล่าสุด นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ได้ออกมาเปิดเผย 8 ความผิดพลาดสำคัญของคดี ที่ทำให้ตู้ห่าวพ้นผิดทุกข้อหา
- แผนการจับกุมล้มเหลว – เจ้าหน้าที่มีกำลังไม่เพียงพอ ส่งผลให้มีผู้ต้องหาหลายคนหลบหนี รวมถึงหลานชายของตู้ห่าว
- เก็บหลักฐานไม่ครบถ้วน – ตรวจค้นเพียงอาคารจินหลิงในวันแรก แม้พบยาเสพติด 4 กิโลกรัม แต่รอถึง 5 วันจึงตรวจอีกอาคาร พบยาเสพติดเพิ่มอีก 1 กิโลกรัม
- ปล่อยรถของกลางและผู้ต้องหา – รถของกลาง 4 คันถูกปล่อยคืน รวมถึงหลานชายของตู้ห่าวที่อยู่ในที่เกิดเหตุ
- การทำสำนวนผิดพลาด – มีการคืนรถของกลางให้ผู้ต้องหาโดยไม่มีเหตุผล
- กล้องวงจรปิดถูกตัดต่อ – มีเซิร์ฟเวอร์ 4 ตัว แต่ตำรวจส่งให้พิสูจน์หลักฐานเพียง 1 ตัว
- ออกหมายจับล่าช้า – การแจ้งข้อกล่าวหาและออกหมายจับตู้ห่าวมีความล่าช้า
- ผบ.ตร. และอัยการต้องทำคดีเอง – หลังพบข้อผิดพลาดจากการสอบสวนในชั้นต้น
- พยานหลักฐานถูกทำลายไปจำนวนมาก – หลักฐานสำคัญหลายชิ้นไม่สามารถนำมาใช้ในชั้นศาลได้
“บิ๊กโจ๊ก” ระบุ คดีพลาดที่ไม่เบิกความ “เจ้าของที่ดิน”
ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า หลังศึกษาคำพิพากษา พบว่าจุดพลาดสำคัญของตำรวจเจ้าของคดี คือ ไม่ได้นำเจ้าของที่ดินที่ตู้ห่าวเช่าทำผับ มาเบิกความต่อศาล ทำให้ไม่สามารถเชื่อมโยงตู้ห่าวกับการเป็นเจ้าของและผู้ดำเนินกิจการผับจินหลิงได้
นอกจากนี้ ยังพบข้อบกพร่องหลายจุดในการรวบรวมพยานหลักฐาน ทำให้ศาลไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะเชื่อมโยงตู้ห่าวกับเครือข่ายยาเสพติด
ย้อนคดี “ตู้ห่าว” หลุดทุกข้อหา
เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 ศาลอาญากรุงเทพใต้มีคำพิพากษายกฟ้อง นายฮวง ไฮ่ เท่า (จำเลยที่ 1), นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าว (จำเลยที่ 2) และพวกรวม 19 ราย ซึ่งประกอบด้วยบุคคลสัญชาติจีน ไทย และกัมพูชา รวมถึงบริษัทนิติบุคคล 5 แห่ง ในข้อหาค้ายาเสพติด ฟอกเงิน และอั้งยี่ จากกรณี ตรวจค้นผับจินหลิงเมื่อ 26 ต.ค. 2565
ตำรวจอ้างว่าพบความเชื่อมโยงเส้นทางการเงินของผับจินหลิงกับสถานบริการใน เมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา ซึ่งคาดว่าเกี่ยวข้องกับธุรกรรมยาเสพติด รวมถึงการโอนเงินต้องสงสัย
อย่างไรก็ตาม ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะพิสูจน์ว่ากลุ่มจำเลยมีการรวมตัวกันกระทำผิดในลักษณะอั้งยี่ ส่วนข้อหาฟอกเงินจากยาเสพติด ศาลชี้ว่า พยานหลักฐานไม่มีน้ำหนักเพียงพอ ที่จะระบุว่าเงินในบัญชีของจำเลยเกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมาย
นอกจากนี้ ศาลยังแยกพิจารณาความผิดอื่น เช่น การครอบครองอาวุธปืน การตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต และความผิดฐานช่วยเหลือผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด โดยพิจารณาเป็นรายกรรม ส่วน 19 จำเลยที่เหลือ รวมถึงนายตู้ห่าวและอดีตภรรยา (พ.ต.อ.หญิง) ถูก ยกฟ้องทั้งหมด