เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2568 ตำรวจชุดสืบสวน สภ.สตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ตามไปจับกุมหญิงสาวรายหนึ่งอายุ 48 ปี ได้ที่จังหวัดร้อยเอ็ด หลังจากก่อนหน้านี้ได้ใช้เอกสารไปเช่ารถที่สนามบินสตึก จ.บุรีรัมย์
แล้วติดต่อไม่ได้ และพบว่ารถได้เคลื่อนที่ไปที่อื่นตามที่ GPS แจ้งเตือน จึงนำมาสอบสวนที่ สภ.สตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์
เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้ไปเช่ารถที่สนามบินสตึกแล้วเอาไปจำนำต่อให้กับหญิงรายหนึ่งชาวจังหวัดกาฬสินธุ์ ในราคา 75,000 บาท เมื่อหักดอกและค่าดำเนินการแล้วเหลือเงิน 64,000 บาท
ส่วนสาเหตุที่ต้องลงมือทำ ก็เพราะติดหนี้ ไปยืมเงินมาจำนวน 12,000 บาท แต่ไม่มีเงินไปใช้หนี้คืน ก่อนจะมีคนมาแนะนำให้ไปเช่ารถมาจำนำ จึงเดินทางไปที่สนามบินสตึก แล้วเช่ารถดังกล่าว ด้านตำรวจไม่ปักใจเชื่อ คาดว่าน่าจะอยู่ในแก๊งเช่ารถ เพราะพบว่าเคยมีประวัติคดียักยอกทรัพย์มาแล้ว หลังสอบสวนส่งตัวไปให้ ร.ต.อ.มานิตย์ ศิริเวช รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.สตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ก่อนถูกแจ้งข้อหายักยอกทรัพย์
ด้านเจ้าของกิจการรถเช่าชื่อดังในบุรีรัมย์ เล่าว่า กลุ่มนี้จะเป็นแก๊งทำแบบดาวกระจาย พอเช่ารถเราออกไปจะไปปลอมแปลงเอกสาร โดยเทียบกับเอกสารคู่มือที่ติดไว้กับรถ แล้วเปลี่ยนชื่อเป็นบุคคลให้ตรงกับคนที่เอาไปจำนำ เพราะปกติคนที่รับจำนำรถหากไม่ใช่เจ้าของรถเขาจะไม่รับจำนำ หลังจากนั้นพอได้เงินไปแล้วจะทิ้งรถไปเลย
เจ้าของกิจการรถเช่ายังบอกอีกว่า ช่วงนี้นอกจากตลาดรถเช่าซบเซาอยู่แล้ว ยังต้องมาเจอมิจฉาชีพแบบนี้อีก ยอมรับว่าเหนื่อยมาก ถึงแม้รถจะติด GPS ทุกคัน แต่กว่าจะตามได้ต้องเสียเวลา เสียค่าใช้จ่าย ตอนนี้ต้องติด GPS ซ่อนไว้ในที่ลับในรถอย่างน้อย 2-3 ตัว เพราะถ้าไปเจอมืออาชีพมักจะค้นหา GPS แล้วถอดออก ที่ผ่านมาโดนมาแล้วกว่า 10 คัน ที่ได้รถมาเพราะคนร้ายตายใจเอา GPS ออกไปแล้วคิดว่าสบายใจ แต่หารู้ไม่ว่าเราติดไว้หลายตัว และการติด GPS หลายตัวนั้นเป็นการเพิ่มต้นทุน ทั้งกล่อง GPS และต้องมีค่าดูแลรายปีอีกหลายพันบาท
อยากจะฝากถึงแก๊งมิจฉาชีพกลุ่มนี้ให้หยุดกระทำ เพราะสร้างความเดือดร้อนให้ผู้ประกอบการ บางรายโดนคดีติดคุกแล้วออกมายังก่อเหตุอีก ไม่เว้นคนที่เคยทำงานราชการมา ยังเอาบัตรข้าราชการที่ยังไม่หมดอายุไปเช่ารถแล้วเอาทำในลักษณะนี้ก็มี
