คัดลอก URL แล้ว
“วิศวกรรมเกษตร” เปิดปม “ทำไมต้องเผาอ้อย?” – จี้รัฐบาล เร่งแก้ปัญหาที่ต้นตอ

“วิศวกรรมเกษตร” เปิดปม “ทำไมต้องเผาอ้อย?” – จี้รัฐบาล เร่งแก้ปัญหาที่ต้นตอ

รศ.ดร.ขวัญตรี แสงประชาธนารักษ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โฟสต์เฟซบุ๊ก ชื่อ Khwan Saeng ประเด็น “ทำไมต้องเผาอ้อย?” โดยระบุข้อความไว้ว่า

“ในฐานะที่เติบโตมาในโรงงานผลิตเครื่องจักรกลเกษตรในจังหวัดที่มีไร่อ้อยเยอะมากๆ จนต่อมาได้ทุนรัฐบาลญี่ปุ่นไปเรียนต่อ แล้วเลือกไปที่ okinawa เพราะอยากจะทำรถตัดอ้อยขนาดเล็กช่วยชาวไร่จะได้ไม่ต้องเผา จนกลับมาเป็นอาจารย์ที่สาขาวิศวกรรมเกษตร คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ตั้งแต่เริ่มทำงานจนปัจจุบันก็ยังทำวิจัยเกี่ยวกับเครื่องจักรกลเกษตรในไร่อ้อยมาตลอด 14 ปี

วันนี้ขอมาตอบคำถามที่หลายคนที่ไม่คุ้นเคยกับอ้อยสงสัยว่า “ทำไมต้องเผาอ้อย” เท่าที่ตัวเองมีความรู้ที่จะตอบได้นะคะ


🤔 ทำไมต้องเผาอ้อยก่อนตัดอ้อย?
🤔 ใช้เครื่องจักรแทนได้ไหม ?
🤔 ใช้เครื่องจักรเล็กๆได้มั้ย ? คนไทยเก่งทำขึ้นมาหน่อย
🤔 ทำไมต้องรีบ รอคิวรถตัด คนงานหาไม่ได้ก็ค่อยๆ ทำไปเท่าที่ได้ อย่าเพิ่งเก็บเกี่ยว อย่าเพิ่งเผา ?
🤔 แล้วเราต้องอยู่กับการเผาตลอดไปงั้นหรือ ?


🤔 ทำไมต้องเผาอ้อยก่อนตัดอ้อย ?

  1. ไม่เผาแล้วคนงานไม่ตัด หญ้ารก มีหมามุ่ย ใบอ้อยบาดตัว ขนใบอ้อยเข้าตา ต้องสางใบอ้อย ใช้เวลานานขึ้น 3-4 เท่า บางทีมีเงินจ้างก็หาแรงงานมาตัดไม่ได้
  2. ค่าจ้างแรงงานตัดอ้อยกอง 100 ลำ ค่าตัดอ้อยสด 15-18 บาทต่อกอง แต่ถ้าตัดอ้อยเผา 5 บาทต่อกอง ต้นทุนต่างกันถึง 3 เท่า ส่วนต่างคิดเป็น 10-15% ของราคาอ้อย
  3. เจ้าของแปลงเล็กๆ ไม่มีแรงงาน ไม่มีรถตัดอ้อย ต้องขายเหมาแปลง หรือให้โควต้ารายใหญ่มาตัดให้ ไม่มีอำนาจต่อรอง บางทีไม่ยินยอมก็โดนลักลอบจุดไฟเผา ซึ่งถ้าอ้อยถูกเผาแล้วต้องรีบตัดไม่งั้นจะเน่า ต้องส่งโรงงานภายใน 24 ชม. เลยเหมือนถูกบังคับขายไปด้วย
  4. พ่อค้าอ้อยซื้อเหมาอ้อย บางคนมีความคิดว่าต้องลดต้นทุนให้มากที่สุด ไม่งั้นก็ให้ราคาซื้ออ้อยสูงสู้คนอื่นไม่ได้ เจ้าของแปลงก็ไปขายคนอื่นที่ให้ราคาดีกว่า
  5. คนตัดไม่ใช่เจ้าของแปลง เจ้าของแปลงไม่มีกำลังพอจะตัดเอง กลายเป็น การตัดเลยอยู่บนแนวคิดที่ “ทำให้ต้นทุนต่ำที่สุด” ไม่สนใจเรื่องอินทรีย์วัตถุในดินในระยะยาว ไม่ได้สนใจเรื่องระบบนิเวศน์แมลงในแปลงถูกทำลาย (แปลงที่เผาจะมีปัญหาแมลงศัตรูพืชมากกว่าแปลงที่ไม่เผา เพราะไม่มีแมลงอื่นเหลือรอดมาช่วยจำกัดประชากร) เจ้าของแปลงต้องยอมอย่างเดียว

🤔 งั้นใช้เครื่องจักรแทนสิ ?

  1. อ้อยเป็นพืชที่โตเป็นกอ จะตัดโคน+แยกใบออกจากลำได้ ต้องสับ และต้องเป่าแยกใบหลายรอบ เจออ้อยล้มก็ต้องจัดให้มันตั้งขึ้นมาได้ด้วย จะทำงานได้งานดี ทันเวลา กำลังต้องพอ เครื่องจักรต้องใหญ่
  2. รถตัดอ้อยใหญ่ที่ทำได้ครบกระบวนการ ราคา 12 ล้าน ส่วนรุ่นกลางๆ หรือมือสอง ราคาประมาณ 5-6 ล้าน มาพร้อมข้อจำกัดและการตัดที่ช้าลง
  3. รถตัดใหญ่จะเข้าได้ แปลงต้องไม่มีคันนา (ที่เช่าที่เป็นที่นาเดิมหมดสิทธิ์) ระยะระหว่างแถวต้องกว้าง ต้องมีถนนเข้าถึงได้
  4. เปิดแปลงใหม่ทีหมดไปครึ่งวัน (การทำแปลงให้รถสิบล้อเข้าไปขนอ้อยได้) ต้องตัดๆ ถอยๆ เพื่อทยอยเอาอ้อยมาใส่รถบรรทุกที่จอดนอกแปลง ต้องตัดแบบ super slow ไปแบบนี้ 4 แถว รถบรรทุกถึงจะเข้าไปวิ่งขนาบรถตัดรับอ้อยในแปลงได้

….เพราะแบบนี้ แปลงเล็กๆไม่ต้องเรียก รถตัดใหญ่ไม่ไปจ้า เสียเวลาเปิดแปลง ทำยอดไม่ได้ เงินไม่พอไปผ่อนรถอีก (ผ่อนรถตัดปีละ 2 ล้าน ควรจะตัดให้ได้ปีละ 20,000 ตัน หรือวันละ 200 ตัน)


🤨 งั้นใช้เครื่องจักรเล็กๆ ได้มั้ย ? คนไทยเก่งทำขึ้นมาหน่อย

  1. รถตัดเล็ก-มี
    เครื่องสางใบ-มี
    เครื่องตัดโคนติดรถไถ-มี
    เครื่องตัดวางกองติดรถไถ-มี
    รถคีบขึ้นรถบรรทุก-มี
    เครื่องมือมีเยอะนะคะ นักวิจัย และ หลายๆบริษัททำกันเยอะมาก ทาง สอน. (สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย กระทรวงอุตสาหกรรม) มีโครงการให้ยืมเครื่องสางใบด้วยค่ะ

แต่….เพ-ลานี้ต้องกราบใจคนขับรถไถติดเครื่องสางใบ ต้องขับรถไถเปิดประทุน แทรกตัวไปในป่าอ้อยแล้วให้เส้นในลอนตีใบจนขาดกระจายลอยฟุ้งแบบมองอะไรไม่เห็น ทั้งฝุ่นทั้งร้อน ขนใบอ้อย เศษใบอ้อย เข้าหน้าเข้าตาเข้าคอ ชาวไร่หลายๆ คนยอมทำ ต้องขอบคุณมากๆ

….ขับลุยมาครึ่งทาง อนิจจาเจออ้อยล้มกลางแปลง ไปต่อไม่ได้ จบกันที่ทนมา หาจ้างคนมาตัดเหมือนเดิม จ้างตอนนี้จ่าย 300 บาท ไม่มาแล้วด้วย ถ้าไม่เพิ่มเงิน กลางคืนก็ต้องมีเหล้าขาวล่ะ

….ถ้าโชคดีสางใบเสร็จ ก็มาใช้เครื่องตัดวางราย หรือเครื่องตัดรวมกองต่อ แล้วก็ต้องใช้รถคีบมาคีบลงรถบรรทุก พร้อมคนเรียงอ้อยอีก 2 คนบนรถ สรุปว่าใช้คนเยอะเกือบจะพอๆกับใช้คนตัดทั้งหมด แต่ดีหน่อยที่ไม่ต้องใช้แรงเยอะเท่า เครื่องทุนแรงได้บ้าง

….ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนในการตัดอ้อยสด ต้นทุนก็ไม่มีทางต่ำกว่า “ไฟแช็ค ราคา 6 บาท” ไปได้ ถ้ามองในแง่ต้นทุนอย่างเดียว ตัดอ้อยสดแพ้กระจุย!!

**แต่แน่นอนว่า ต้นทุนการตัดอ้อยไฟไหม้ที่ราคาถูกกว่า แต่มันก็แลกมาด้วย ต้องเสียอินทรีย์วัตถุในดิน เสียค่าปุ๋ยมากขึ้น ผลผลิตอ้อยตอปีต่อมาแย่ลง ไว้ตอได้น้อยลง ปัญหาแมลงและวัชพืชมากขึ้น และที่สำคัญคือการสร้างมลพิษ PM 2.5 จากการเผาในที่โล่ง

..แต่ก็วนกลับไปข้างบน หลายๆ ครั้ง คนตัด (เผา) ไม่ใช่เจ้าของแปลงไง**


⏳ งั้นรอก่อนได้มั้ย ทำไมต้องรีบ รอคิวรถตัด คนงานหาไม่ได้ก็ค่อยๆทำไปเท่าที่ได้ อย่าเพิ่งเก็บเกี่ยว อย่าเพิ่งเผา ?

  1. โรงงานน้ำตาลเป็นโรงงานที่ใช้ระบบเครื่องจักรขนาดใหญ่ ใช้วงจรไอน้ำในการทำงาน เดินเครื่องทีแล้วต้องรันยาวๆไม่หยุดไม่พัก ต้องให้มีอ้อยป้อนเข้าต่อเนื่อง เต็ม capacity ไม่งั้นขาดทุน เลยมีวันเปิดหีบ และวันปิดหีบ ชาวไร่ต้องขายอ้อยช่วงนี้เท่านั้น
  2. อ้อยเป็นพืชไร่อายุยาว ตัดขายปีละครั้ง เหมือนเราทำงานบริษัทหนึ่งทุ่มเททำงานทั้งปี งานนี้จ่ายเงินเรารวบยอดปีละครั้งเดียวเท่านั้น ถ้ามีคนมาบอกว่า ส่งงานนี้ให้ทันวันนี้ๆ นะ ถ้าส่งไม่ทัน เงินเดือนทั้งปีที่ผ่านมาจะสูญทั้งหมด แล้วมีอีกคนยื่นมือมาบอกว่าทำแบบนี้สิ ส่งงานทันแน่นอน ได้เงินแน่ ถึงจะรู้อยู่ว่าวิธีนั้นมันมีผลเสียยังไง ส่งผลต่อส่วนรวมยังไง ก็คงไม่แปลกถ้าจะมีคนหวั่นไหวบ้าง ในเมื่อหันไปก็เจอลูกเมียและเจ้าหนี้!

ไม่ใช่ว่าอยากให้เห็นใจคนที่เผานะคะ การจงใจลักลอบเผาอ้อยนั้นผิดอย่างแน่นอน และมีชาวไร่อีกเยอะมากๆ เป็นส่วนใหญ่เลยที่เขาก็ใส่ใจและพยายามที่จะไม่เผามาตั้งนานแล้ว

….อ้อยไฟไหม้ตอนนี้ ก็มีทั้งคนที่จงใจ คนที่จำใจ และคนที่น่าเห็นใจที่โดนลูกหลงไฟลามมา….


😫 แล้วเราต้องอยู่กับการเผาตลอดไป?
คนในวงการอ้อยเขาก็ไม่ได้อยากอยู่กับการเผาตลอดไปหรอกค่ะ ชาวไร่ด้วยกันหลายคนก็เดือดร้อนมากจากไฟที่ลามมา ปัญหานี้มันจะต้องถูกแก้ เช่นมาตรการที่มีแล้วตอนนี้

👉 จำกัดการรับซื้ออ้อยไฟไหม้ ไม่เกิน 25% และลดลงเรื่อยๆ

👉ให้อ้อยสดได้คิวเทอ้อยก่อน อ้อยไฟไหม้รอๆๆๆ

👉ให้เงินเพิ่ม/รางวัล อ้อยสดสะอาด ให้มีส่วนต่าง cover ต้นทุน ตรงนี้หลายๆ โรงงานให้เงินเพิ่มเอง

👉เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำสำหรับรถตัดอ้อย/โครงการให้ยืมเครื่องสางใบ

👉การรับซื้อใบอ้อยมาผลิตพลังงาน

👉การรวมกลุ่มเกษตรกรแปลงเล็กที่ติดกันเป็นแปลงใหญ่ ร่วมกันวางแผนปลูกอ้อยและวางแนวแถวไปทางเดียวกัน เพื่อให้ตัดอ้อยด้วยรถตัดอ้อยได้

ในส่วนของงานวิจัยจาก วิศวะ ม.ขอนแก่นเองที่พยายามช่วยลดการเผาทั้งในทางช่วยเพิ่มรายได้ให้ชาวไร่ และเครื่องมือให้รัฐในทางป้องปราม เช่น

👉แนวทางการส่งเสริมชุดเครื่องจักรเก็บเกี่ยวลดการเผา

👉โดรนประเมินผลผลิตและความหวานของอ้อยในแปลง เพื่อให้สามารถใช้รถตัดอ้อยแบบรวมแปลงเล็กหลายๆแปลงเป็นแปลงใหญ่

👉เครื่องสับกลบใบอ้อยในอ้อยตอ

👉เครื่องอัดใบอ้อย เป็นก้อนเต๋า 1 นิ้ว ให้ง่ายต่อการขนย้ายและใช้เป็นเชื้อเพลิง

👉ผลิตภัณฑ์ต่างๆจากใบอ้อยเพื่อเพิ่มมูลค่า Bio-plastic, Bio-char, ปุ๋ย, น้ำมันเชื้อเพลิง

👉การวางแผน Logistic ใบอ้อยให้สามารถขยายพื้นที่รับซื้อใบอ้อย

👉โดรนอัตโนมัติ บินเก็บหลักฐานร่องรอยการเผา จากจุดความร้อนที่ได้จากภาพถ่ายดาวเทียม

👉AI ประมวลผลภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิด ช่วยจำแนกอ้อยสดและอ้อยเผาที่โรงงาน

ทั้งมาตรการต่างๆ และผลจากงานวิจัย ได้เอามาใช้และขยายพื้นที่ตัดอ้อยสดมากขึ้นมาก ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา

📌📌ที่ยังขาดอยู่และทำได้ยากมาก คือ การบังคับใช้กฏหมายอย่างจริงจัง กับการติดตาม จับกุม ปรับ ขัง คนที่จุดไฟวางเพลิง แล้วกรณีที่เจ้าของแปลงไม่ได้จุด แล้วจะไปตามจับคนที่จุดจริงๆได้ยังไง ท่ามกลางความมืด และกลางป่าอ้อย ?? ในหลายพื้นที่มีการให้รางวัลนำจับ แต่ก็ช่วยได้บ้าง ไม่ได้บ้าง มีเรื่องของผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นมาเกี่ยวข้องก็มี📌📌

สรุปแล้ว..การที่โรงงานรับซื้ออ้อยสดราคาสูงและไม่รับซื้ออ้อยเผา ช่วยลดการเผาก่อนตัดได้ แต่การเผาใบเคลียร์แปลงหลังตัด ยังคงจะเป็นปัญหาไปอีกสักพัก เพราะการรับซื้อใบอ้อยยังไม่ทั่วถึง และยังไม่คุ้มค่าในพื้นที่ที่ต้องขนส่งไกล

ใบอ้อยย่อยสลายยาก และเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีที่พร้อมจะติดไฟ ชาวไร่หลายรายเลือกจะสับกลบฝังลงดิน ถึงจะต้องแลกมาด้วยค่าแรง ค่าเครื่องมือและค่าน้ำมันไม่น้อย หลายๆคนก็ยอมแลกเพื่อจะได้ไม่ต้องเผาอ้อย ไม่สร้างมลพิษ

และยังมีชาวไร่อีกเยอะมากเลือกที่จะทิ้งใบไว้คลุมดินรักษาความชื้น และคุมวัชพืช แต่ก็ต้องมาแบกรับความเสี่ยงว่าไฟจะลามมาไหม้อ้อยตอนที่อ้อยงอกขึ้นมาแล้วหรือเปล่า เพราะนั่นหมายถึงเงินลงทุนที่ผ่านมาทั้งหมดจะสูญเปล่า ไม่เหลืออ้อยให้ขาย ยืนต้นตายเพราะไฟ

มีชาวไร่ต้นแบบอีกหลายท่านที่พยายามย่อยสลายใบอ้อย ด้วยการใช้น้ำหมักยูเรียฉีดพ่นช่วยเร่งการย่อยสลายใบอ้อยลงดิน ใช้แรงงานครัวเรือนทำกันเอง ใครอยู่ใกล้แหล่งน้ำก็ทำได้ง่ายหน่อย ใครอยู่ไกลแหล่งน้ำก็ยิ่งมีต้นทุนที่สูงขึ้น

การที่จะควบคุมต้นทุนผลผลิตเกษตรให้ต่ำ ไม่เคยเป็นเรื่องง่าย โดยเฉพาะในเวลาที่ค่าน้ำมันพุ่ง ค่าปุ๋ยแพงแบบปัจจุบัน แค่เรื่องใบอ้อยก็เป็นมหากาพย์ขนาดนี้

การจะแก้ปัญหานี้ได้ เรายังคงต้องช่วยกันหาทางสร้าง “มูลค่าเพิ่ม” ให้ใบอ้อย หาทางลดค่าขนส่งใบอ้อย ซึ่งทั้งมหาวิทยาลัยขอนแก่นและนักวิจัยจากหลายภาคส่วนมากๆ กำลังทำงานวิจัยด้านนี้อยู่ บางอย่างก็สำเร็จแล้วรอนำไปขยายสเกล บางส่วนก็เริ่มทดลองจริงในบางพื้นที่

สิ่งสำคัญไม่แพ้กัน คือ

Cr.ภาพจากช่องของเพื่อนๆ + ถ่ายเอง+ infographic จากงานวิจัยค่ะ

ทำไมต้องเผาอ้อย #PM25 #เผาอ้อย #ฝุ่นพิษ #วิศวกรรมเกษตร “


ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้

เพื่อการนำเสนอเนื้อหาที่ดี รวมถึงการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากคุณใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆนั้น แสดงว่าคุณยอมรับนโยบายคุกกี้และนโยบายส่วนบุคคลของเรา