จากกรณี นายอภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข หรือ แสตมป์ นักร้องชื่อดัง ได้ออกมาเปิดใจถึงสาเหตุที่หายหน้าไปจากวงการเพลงนับปี เพราะเนื่องจากไปต่อสู้กับจำเลยในชั้นศาล หลังตนเองและภรรยาถูกจำเลยคุกคามข่มขู่นานกว่า 10 ปี จนชนะคดี แต่สุดท้ายเรื่องก็ไม่จบ เพราะจำเลยยังมีการกระทำแบบเดิมต่อ แถมพ่อของจำเลยก็เป็นนายทหารชั้นพลตรี ที่จังหวัดพิษณุโลก และเคยขู่ตนเองให้ถอนฟ้อง มิเช่นนั้นจะยัดคดีทางการเมืองให้
ล่าสุดวันที่ 18 มกราคม 2568 ทางวง “ทิลลี่เบิร์ด” วงดนตรีดังที่ถูกพาดพิงว่าคือวงที่ซัพพอร์ตจำเลยของแสตมป์ ได้ออกมาแถลงการณ์แล้ว และยอมรับว่า รู้จักกับจำเลยคู่กรณีของ “แสตมป์” จริง โดยระบุว่า ทางวงได้ทราบและติดตามเรื่องนี้มาตั้งแต่ช่วงปี 2566 แต่เนื่องจากว่าเรื่องราวที่ได้จากรับจากทั้ง 2 ฝ่าย (แสตมป์ & คู่กรณี) เป็นเรื่องที่ไม่ตรงกันโดยสิ้นเชิง และเป็นเพียงการบอกกล่าวโดยไม่มีพยานหลักฐานชัดเจนทั้งสองฝ่ายมาโดยตลอด เนื่องจากเรื่องดังกล่าวค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นเรื่องส่วนตัว จึงแนะนำให้ทั้งสองฝ่ายไปตกลงกันเองให้จบสิ้น ซึ่งหลังจากนั้นข้อมูลที่ทางวงได้รับมาจากคุณสแตมป์ และคู่กรณี คือการฟ้องร้องในคดีชู้สาว มิใช่คดีคุกคามแต่อย่างใด จากที่วงได้รับทราบมา ทั้งสองฝ่ายมีการเจรจายอมความกันโดยมีค่าเสียหาย จึงวางใจว่าเรื่องคดีความนี้จบลงไปแล้ว ซึ่งหลังจากนั้นก็ไม่ได้มีการติดต่อหรืออัพเดทใดๆ ในเรื่องดังกล่าวอีก
พร้อมขออภัยที่ทางวงไม่ได้ชี้แจงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนบุคคล จึงไม่อยากพูดถึง และขอวางตัวเป็นกลางไปจนกว่าคู่กรณีจะสามารถแสดงพยานหลักฐานได้ชัดเจน หากพยานหลักฐานจากคู่กรณีทั้งสองฝ่ายปรากฏชัดเจน ทางวงก็จะไม่เพิกเฉย และพร้อมจะเทคแอ็คชั่นในส่วนที่วงทำได้ต่อไป อีกทั้งยังยืนยันว่า ไม่สนับสนุนการคุกคามหรือการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผู้อื่นแต่อย่างใด
ต่อมาทางของแฟนจำเลย “แสตมป์” ที่เป็นทีมงานในวง “ทิลลี่เบิร์ด” ตำแหน่ง Sound Engineer (FOH) ได้ออกมาชี้แจงต่อว่า
“สิ่งที่ถูกกล่าวหาตามข่าวนั้นไม่เป็นความจริง ซึ่งเรื่องนี้สามารถพิสูจน์ได้ และยินดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยฝั่งตนเองนั้นคิดว่าคดีทุกอย่างจบแล้ว แก็ควรที่จะต่างคนต่างอยู่ แต่จริงๆ กลับไม่เป็นตามนั้น เพราะอีกฝั่งต่างหากที่ยังคุกคามฝั่งตนในหลากหลายช่องทางจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งตนเองยังเคยโดนภรรยา “แสตมป์” ด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคายอีกด้วย
ทั้งนี้ ตนอยากขอโทษทุกคนที่ถูกพาดพิง และถูกอ้างอิงโดยไม่ได้เกี่ยวข้อง จนได้รับความเดือดร้อน ทั้งทางตรงและทางอ้อม ส่วนในข้อของกฎหมาย ตอนนี้ตนเองกำลังปรึกษาทนาย และจะดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป”
ล่าสุดหลังการแถลงของวง “ทิลลี่เบิร์ด” ก็ทำให้ชาวโซเชียลต่างวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก ว่าทำไมดูเหมือนทางวงไม่มีความเป็นกลางและเอนเอียงไปทางฝั่งคู่กรณีแสตมป์ และผิดหวังกับคำแถลงของวง จนเรื่องนี้ลุกลามดรามาไปยังเฟซบุ๊กของอีกหนึ่งนักร้องชื่อดัง “จ๋าย ไททศมิตร” เพราะเจ้าตัวได้ออกมาแชร์โพสต์คำแถลงของวง “ทิลลี่เบิร์ด” พร้อมแสดงความคิดเห็นถึงเรื่องนี้ว่า “เอาเป็นว่าพูดไปไม่มีใครได้อะไร เจ็บตัวกันฟรี” จนทำให้ชาวเน็ตต่างแห่เอารถทัวร์ไปลงใส่ “จ๋าย ไททศมิตร” ต่างผิดหวังกับการแชร์โพสต์แถลงและแสดงความคิดเห็น ว่าเข้าข้างคนในค่ายเดียวกันหรือ? รู้อะไรก็พูดออกมา ถ้าไม่พูดจะแสดงความคิดเห็นแต่แรกทำไม หรือไม่ก็ให้จ๋ายหยุดพูด หยุดเคลื่อนไหวถึงเรื่องนี้ เพราะรักจ๋ายและวงไททศมิตรมากไม่อยากผิดหวัง บ้างก็ว่าใครก็ได้ตัดเน็ตจ๋ายที และอย่าคลุกวงในได้ไหม แค่คำแถลงต้นโพสต์ก็ทำเสียใจแล้ว กว่าจะเจอศิลปินที่ชอบไม่ใช่เรื่องง่าย รวมไปถึงรู้ว่าซาแซงไม่ดี แต่กลับ ignore เรื่องซาแซง จนกระทั่งจ๋ายออกมาตอบกลับว่า “เชื่อใจผมเถอะ มันหนักกว่าที่คิด ไม่งั้นพูดไปละ มันไม่ใช่เรื่องของผม ไม่ใช่เรื่องของวงๆไหนเลย ทุกคนต้องใจเย็นๆ ที่รู้นี่แค่เสี้ยวเดียว รอคนที่เกี่ยวข้องจริงเขาออกมาพูดเองดีกว่า”