วันที่ 9 มกราคม 2568 ความคืบหน้ากรณี จ่าเอ็ม อดีตนาวิกโยธิน ยิงนายลิม กิมยา อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา เสียชีวิต บริเวณวัดบวรนิเวศฯ เสียชีวิต หลังจากนั้น จ่าเอ็ม หลบหนีไปที่กัมพูชา แต่สุดท้าย ถูกชุดสืบสวนนครบาล โดยสารวัตรแจ๊ะ ประสานกับทางการกัมพูชา จับกุมตัวได้ที่พระตะบอง ก่อนประสานนำตัวกลับมาดำเนินคดีที่ไทย
ล่าสุด พันตำรวจเอก สนอง แสงมณี ผู้กำกับการ สน.ชนะสงคราม เปิดเผยว่า หลังจากจับกุม จ่าเอ็ม มือปืนได้แล้ว ขณะที่ศาลอาญารัชดา อนุมัติหมายจับ นายคิมริน พิช ชาวกัมพูชา ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งนายคิม เป็นคนชี้เป้า
ขณะที่ ภรรรยาและญาติของนายลิม เดินทางมาที่สน.ชนะสงคราม โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ก่อนจะเข้าไปให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน โดยมีรายงานว่า ภายหลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้นำภรรยาและญาติ ไปอยู่ที่เซฟเฮาส์แห่งหนึ่งเพื่อความปลอดภัย หลังจากให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนแล้ว ภรรยาและญาติ ขึ้นรถตู้ของ สน.ชนะสงคราม ไปที่นิติเวช โรงพยาบาลวชิรพยาบาล เพื่อไปทำเรื่องเอกสาร แต่วันนี้ยังไม่สามารถนำร่างออกมาได้ เนื่องจากต้องผ่านขั้นตอนทางสถานทูตกัมพูชา
ด้าน พลตำรวจตรี ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ยืนยันว่า ขณะนี้ “จ่าเอ็ม” อยู่ในขั้นตอนทางกฎหมายของทางการกัมพูชา เนื่องจาก “จ่าเอ็ม” เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จึงต้องดำเนินคดีที่กัมพูชาก่อน แต่รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้ทำหนังสือทางการทูต เพื่อขอให้ส่งตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อที่ไทยแล้ว ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ถึง 1 เดือน ส่วนรายละเอียดตำรวจไทยยังไม่ได้สอบปากคำ จึงยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าสาเหตุใด “จ่าเอ็ม” ถึงหลบหนีไปกัมพูชา และต้องรอส่งตัวกลับมาสอบปากคำก่อน
พลตำรวจตรีธีรเดช ยืนยันว่า จะติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการ หรือช่วยเหลือให้การสนับสนุนเพิ่มเติมด้วย โดยเฉพาะคนชี้เป้าที่มีหลักฐานชัดเจนว่าเข้ามาพร้อมกับผู้เสียชีวิต และมีพิรุธเพราะบริเวณจุดเกิดเหตุมีการเดินวนดูลาดเลาหลายครั้ง รวมถึงหลังเกิดเหตุได้หลบหนีออกนอกประเทศผ่านทางสนามบินสุวรรณภูมิทันที และเชื่อว่ายังมีผู้ร่วมขบวนการสัญชาติเดียวกันอีก โดยตำรวจขอเวลาทำงานสักระยะ ส่วนผู้ร่วมขบวนการคนอื่นๆ ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเกรงว่าคนร้ายจะไหวตัวทัน
อย่างไรก็ตามในส่วนของอาวุธปืน ได้เรียกตำรวจที่รับจำนำปืนของ “จ่าเอ็ม” มาสอบปากคำแล้ว เบื้องต้นยอมรับว่ารับจำนำปืนไว้จริง แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุลอบสังหารที่เกิดขึ้น เช่นเดียวกับโฟเชอร์แท็กซี่สีเขียวเหลือง ก็ได้เชิญมาสอบปากคำแล้วเช่นกัน ยืนยันว่าไม่รู้จักกันมาก่อน และไม่เกี่ยวข้องกับคดี คนร้ายเพียงมาว่าจ้างให้ไปส่งเท่านั้น