คัดลอก URL แล้ว
อยู่ดีๆ เป็นหนี้เกือบ 3 แสน! หญิงป่วยมะเร็งวอนช่วย ถูกเอาชื่อไปหลอกกู้เงินธนาคาร

อยู่ดีๆ เป็นหนี้เกือบ 3 แสน! หญิงป่วยมะเร็งวอนช่วย ถูกเอาชื่อไปหลอกกู้เงินธนาคาร

หญิงชาวเขาที่ อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ป่วยเป็นมะเร็งอ่านหนังสือไม่ออก แล้วยังมาถูกหลอกให้เซ็นต์เอกสารกู้เงินจนเป็นหนี้ธนาคารเกือบ 300,000 บาท หลังได้รับเอกสารทวงหนี้เจ้าตัวเครียดหนัก เผยไม่เคยได้ใช้เงินจำนวนนี้เลยแม้แต่บาทเดียว เคยไปสอบถามกับธนาคารกลับถูกไล่หลายครั้ง ด้านตัวแทนจากสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ฯ เข้าตรวจสอบเอกสารและสอบถามรายละเอียดกับนายจันทร์ ( นามสมมุติ ) อายุ 64 ปี และ นางมี ( นามสมมุติ ) อายุ 57 ปี ชาวบ้านสบห้วยฟาน ต.บ่อแก้ว อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ หลังจากญาติได้ประสานขอความช่วยเหลือจากคณะอนุกรรมการสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ฯ กรณีนางมีถูกหลอกให้เซ็นต์เอกสารกู้เงินธนาคารแห่งหนึ่ง สาขาอำเภอสะเมิง ตั้งแต่ปี 2552 จนปัจจุบันเป็นหนี้สะสมรวมทั้งหมด 279,861.50 บาท

นางมี ( นามสมมุติ ) เล่าว่า ตนเองกับสามีอ่านหนังสือไม่ออก อาศัยอยู่บ้านกับลูกที่สติไม่สมประกอบ ส่วนลูกอีก 2 คนไปทำงานต่างจังหวัด ก่อนปี 2552 สามีพร้อมเพื่อนในกลุ่มรวมทั้งหมด 5 คน ได้ไปขอสินเชื่อจากธนาคารแห่งหนึ่งลักษณะเป็นสมาชิกกู้เงินเป็นกลุ่มค้ำประกันซึ่งกันและกัน ทำให้สามีตนเองเป็นหนี้กับธนาคารฯทั้งหมด 20,000 บาท แต่เมื่อถึงกำหนดเวลาชำระหนี้ สามีไม่มีเงินพอที่จะชำระหนี้ หัวหน้ากลุ่มจึงได้เสนอจะจ่ายเงินชำระหนี้ให้ก่อนรวมเป็นเงิน 20,000 บาท หลังจ่ายหนี้เดิมแล้ว จากนั้นสามีได้กู้เงินจากธนาคารอีก 30,000 บาท เพื่อคืนเงินให้หัวหน้ากลุ่ม 20,000 กว่าบาท รวมดอกเบี้ย ต่อมาอีก 2-3 วันหัวหน้ากลุ่มฯ ได้มาที่บ้านพูดคุยเรื่องที่เคยให้ความช่วยเหลือ พร้อมกับแจ้งว่าจะตัดชื่อสามีออกจากบัญชีของสมาชิกธนาคารและให้ตนเองเป็นสมาชิกแทนสามี หลังจากนั้น ปี พ.ศ.2552 เจ้าหน้าที่ธนาคาร ได้มาที่บ้านเพื่อเอาเอกสารประกอบด้วยทะเบียนบ้าน บัตรประจำตัวประชาชน เพื่อทำสำเนาเปิดบัญชีธนาคาร 200 บาท ซึ่งตนเองระบุว่าไม่มีเงิน แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่เป็นไร

ต่อมาเจ้าหน้าที่ธนาคารมาขอให้เซ็นต์เอกสารเพื่อกู้เงินซึ่งตนเองได้ปฏิเสธ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ธนาคารได้มาอีกครั้งโดยอ้างว่าจะให้เงินกู้ 5,000 บาท และบอกว่าให้ไปเซ็นเอกสารและรับเงิน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้รับเงินตามที่เจ้าหน้าที่บอกแต่อย่างใด ต่อมาปี 2556 ตนเองป่วยเป็นโรคมะเร็ง เข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดต้องพักฟื้นอยู่หลายปี มาทราบเรื่องหลังจากมีคนเอาสมุดบัญชีธนาคารมาให้ 3 เล่ม ระบุว่าตนเองได้เป็นหนี้ธนาคาร 150,000 บาท ทั้งที่ตนเองไม่เคยกู้เงินจำนวนนี้ หลังจากนั้นช่วงเดือนธันวาคมปี 2561 จึงได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมที่ศูนย์ดำรงธรรม อ.สะเมิง แต่ไม่มีความคืบหน้า

ระหว่างนั้นตนเองได้รับหนังสือแจ้งหนี้จากธนาคารตลอดจึงร้อนใจ ร้องทุกข์ที่ อบต.บ่อแก้ว อ.สะเมิง ซึ่งทาง อบต.ได้ส่งเรื่องต่อไปยังสำนักงานยุติธรรมจังหวัดเชียงใหม่ ต่อมาเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 ได้เดินทางไปที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ได้แนะนำให้ว่าขณะนี้ยังไม่มีการฟ้องร้องจากธนาคาร หลังจากนี้ไม่ต้องไปเซ็นต์เอกสารใดๆ จากธนาคาร หลังจากนั้นก็ได้รับเอกสารจากธนาคารฯหลายฉบับ แต่อ่านไม่ออกจึงสอบถามลูกหลานทราบว่าเป็นเอกสารใบจัดสรรชำระหนี้ ใบแจ้งหนี้ ทำให้เกิดความไม่สบายใจ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับหนี้สินที่มีและไม่ได้เงินมาใช้แม้แต่บาทเดียว ต่อมาจึงได้เดินทางไปที่ธนาคารหลายครั้งเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้บอกว่าจะทำหนี้ให้เป็นศูนย์ให้ บางครั้งก็ถูกไล่ออกจากธนาคาร ครั้งล่าสุดได้นำหนังสือแจ้งหนี้ไปพบเจ้าหน้าที่ธนาคาร เจ้าหน้าที่ระบุหากได้รับหนังสือก็ให้ฉีกทิ้ง ถ้าฉีกไม่ไหวก็จะช่วยฉีกให้ ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ธนาคารหาว่าเป็นบ้าไล่ออกจากธนาคาร

จากนั้นเมื่อปี 2567 ตนเองได้รับการติดต่อจากธนาคาร ว่ากลุ่มคนที่มีรายชื่อค้ำประกันเงินกู้ได้มายื่นเงื่อนไขให้ตนไปเซ็นต์เอกสาร หากยอมไปเซ็นจะทำให้เรื่องหนี้สินกลายเป็นหนี้ศูนย์ ซึ่งตนเองปฏิเสธไป ล่าสุดเมื่อเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา มีหนังสือแจ้งจากธนาคารว่าตนมีหนี้สินรวมดอกเบี้ยทั้งหมด 279,861.50 บาท ทำให้ตนกับสามีเกิดความไม่สบายใจ ตอนนี้ก็อายุมากแล้ว ต้องดูแลลูกที่สติไม่สมประกอบ รายได้ที่มีได้จากการทำไร่ ทำสวน และทอผ้า ไม่มีปัญญาจะหาเงินมาใช้หนี้ก้อนนี้ เกรงว่าหากจากโลกนี้ไปจะทิ้งหนี้ไว้ให้กับลูกทั้ง 3 คน ด้านลูกของนางมี กล่าวว่า หลังจากทราบเรื่องตนเองก็พยายามช่วยเหลือแม่ เนื่องจากทั้งพ่อและแม่อ่านหนังสือไม่ออก เขียนได้ชื่อตัวเองได้เท่านั้น

ซึ่งจากการสังเกตุบัญชีธนาคารทั้ง 3 เล่มที่ได้รับมา เล่มแรกในรายการระบุว่าวันที่ 23/03/52 มีการฝากเงินเปิดบัญชี 200 บาท ต่อมา 19/05/52 เงินเข้าบัญชี 150,000 บาท และ ถอนเงิน 150,000 และ มีการฝากเงิน 2,000 บาทในวันเดียวกัน หลังจากนั้นก็ไม่มีรายละเอียด ส่วนบัญชีธนาคารเล่มที่ 2 และเล่มที่ 3 คาดว่าจะมีการเปลี่ยนสมุดบัญชีแทนเล่มแรก เนื่องจากมีรายละเอียดเงินเชื่อมโยงกัน แต่จะมีเงินฝากครั้งละ 3,000-4,000 บาท และถอนออกทันทีหลายครั้ง คาดว่าจะมีคนจ่ายค่างวดให้ จนหลังๆ ไม่มีการฝากเงินเลย กระทั่งมีหนังสือแจ้งหนี้จากธนาคาร

ที่ผ่านมาหลังจากแม่ทราบว่าเป็นหนี้ธนาคารแม่ไม่เคยนิ่งนอนใจ พยายามติดต่อธนาคารหลายครั้ง แต่ถูกหลอก ถูกไล่ จนเกิดความเครียดถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ พยายามเดินทางร้องขอความเป็นธรรมจากหลายหน่วยงาน แต่ก็ยังไม่คืบหน้า ทำให้ตนเองและคนในครอบครัววิตกกังวล และเกิดความเครียดตลอด ประกอบกับตนไปทำงานอยู่ไกลก็มีความเป็นห่วงทั้งเรื่องสุขภาพเกรงว่าจะล้มป่วยไปอีก นอกจากนี้ตนเองและพี่น้องต่างกังวลว่าหากแม่มีอันเป็นไป ภาะหนี้สินจะตกไปสู่ลูกหลานในอนาคต จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือครอบครัวของตนด้วย


ข่าวที่เกี่ยวข้อง