ความคืบหน้าโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านผู้สูงอายุ 10,000 บาท นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ขณะนี้ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ DGA กำลังประมวลผลข้อมูลผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่ลงทะเบียนบนแอปฯ “ทางรัฐ” ให้เป็นไปตามเงื่อนไขโครงการ จากนั้นจะส่งผลมายังกระทรวงการคลัง ภายในสัปดาห์นี้ ก่อนส่งให้ กรมบัญชีกลาง ในฐานะหน่วยจ่ายเงินภาครัฐ ตรวจสอบข้อมูลครั้งสุดท้าย ก่อนโอนเงิน ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์
ทั้งนี้ เมื่อหน่วยงานตรวจสอบข้อมูลอย่างครบถ้วนแล้ว จะแจ้งผลผู้ได้รับเงิน 10,000 บาท ภายในวันที่ 20-21 มกราคม 2568 ผ่านแอปฯ “ทางรัฐ”
โดยผู้สูงอายุที่ลงทะเบียนไว้ แต่ไม่มีชื่อได้รับเงิน 10,000 บาท ยังสามารถอุทธรณ์ เพื่อร้องขอให้ทบทวนผลการพิจารณา โดยอาจต้องยื่นเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม หากผ่านเกณฑ์คุณสมบัติ ก็สามารถได้รับเงินตามสิทธิ์
ส่วนผู้ผ่านเกณฑ์ครบถ้วน ระบบบนแอปฯ “ทางรัฐ” จะแจ้งเตือนให้ เร่งผูกพร้อมเพย์ กับหมายเลขบัตรประชาชน 13 หลัก ส่วนกำหนดวันโอนเงิน 10,000 บาท อยู่ระหว่างรอนายกรัฐมนตรีเป็นผู้พิจารณา แต่ภายในเทศกาลตรุษจีน หรือ วันที่ 29 มกราคมนี้อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังคงเงื่อนไขโอนเงินให้ผู้ได้รับสิทธิ์ซ้ำ กรณีโอนครั้งแรกไม่สำเร็จ เป็นจำนวน 3 ครั้ง หากครบกำหนดและไม่ดำเนินการผูกพร้อมเพย์ หรือ บัญชีถูกปิด เงินจะถูกโอนกลับคืนคลังต่อไป
นายจุลพันธ์ ยอมรับว่า การแจกเงินรอบผู้สูงอายุ อาจกระตุ้นเศรษฐกิจได้ไม่มากนัก เนื่องจากปริมาณเงิน และจำนวนผู้ได้รับสิทธิ์น้อยกว่ารอบกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการและผู้พิการ แต่มาตรการรอบผู้สูงอายุ เป็นการประคองการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เพื่อรักษาโมเมนตัมทางเศรษฐกิจ ต่อเนื่องไปกับมาตรการลดหย่อนภาษี จากการใช้จ่าย ภายใต้โครงการ Easy E-Receipt วงเงิน 50,000 บาท ที่จะเริ่มวันที่ 16 มกราคม – 28 กุมภาพันธ์ 2568
โดยกระทรวงการคลังจะขอความร่วมมือไปยังกระทรวงพาณิชย์ ติดตามปัญหาร้านค้าที่อาจฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสินค้า ในช่วงมีมาตรการ Easy E-Receipt เพื่อป้องกันการเอารัดเอาเปรียบประชาชน ผิดวัตถุประสงค์โครงการ หากตรวจพบจะถูกตัดสิทธิ์ห้ามเข้าโครงการภาครัฐอีก เพราะรัฐบาลยอมสูญเสียรายได้ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท เพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย และให้เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ไม่น้อยกว่า 7 หมื่นล้านบาท
การดำเนินมาตรการกระตุ้นการบริโภคดังกล่าว เป็นโครงการต่อเนื่องจากไตรมาส 4 ของปี 2567 ถึง ไตรมาสแรกของปีนี้ ทั้งมาตรการแจกเงินกลุ่มเปราะบาง โครงการไร่ละ 1,000 บาท , การแจกเงินผู้สูงอายุ และมาตรการ Easy E-Receipt จะมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 1 แสน 5 หมื่นล้านบาท เพื่อสนับสนุนให้จีดีพีทั้งปีโตมากกว่า 3%