พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ย้ำบทบาทดีเอสไอในการสืบสวนคดีฉ้อโกง Forex-3D และดิไอคอนกรุ๊ป แม้ศาลยกฟ้องบางคดี ระบุเป็นหน้าที่ของอัยการพิจารณาอุทธรณ์ พร้อมยืนยันหลักฐานและกระบวนการยุติธรรมยังเดินหน้าต่อไป
เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2567 พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงกรณีศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้อง ดีเจแมน พัฒนพล กุญชร และ ใบเตย สุธีวัน ทวีสิน ในคดีแชร์ Forex-3D โดยระบุว่าการพิจารณาอุทธรณ์คำพิพากษาเป็นหน้าที่ของอัยการผู้รับผิดชอบคดี ทั้งนี้อัยการจะต้องพิจารณาร่วมกับคำพิพากษาของศาลชั้นต้นเพื่อชั่งน้ำหนักในการยื่นอุทธรณ์
สำหรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับกลุ่มผู้ต้องหาคดีแชร์ลูกโซ่ Forex-3D ล็อตแรก เช่น นายอภิรักษ์ โกฎธิ และ พิงกี้ สาวิกา ไชยเดช พ.ต.ต.ยุทธนา ชี้ว่า แต่ละคดีมีพยานหลักฐานและพฤติการณ์ต่างกัน ดังนั้นคำพิพากษาของศาลในแต่ละคดีจะต้องพิจารณาแยกกันตามหลักการยุติธรรม
ความคืบหน้าคดีดิไอคอนกรุ๊ป
กรณีคดีแชร์ลูกโซ่ บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด (คดีพิเศษที่ 119/2567) ซึ่งมีผู้ต้องหา 18 ราย ถูกฝากขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลางนั้น พ.ต.ต.ยุทธนา ยืนยันว่ากระบวนการดำเนินคดีเป็นไปตามกฎหมายทุกขั้นตอน หากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้องในอนาคต ดีเอสไอจะไม่เกิดความเสียหาย เนื่องจากเป็นเรื่องของการตีความพยานหลักฐานในแต่ละขั้นตอน
บทบาทของดีเอสไอในกระบวนการยุติธรรม
พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวเสริมว่า ดีเอสไอมีบทบาทในการรวบรวมพยานหลักฐานและสรุปสำนวนเพื่อส่งให้พนักงานอัยการดำเนินการต่อ เมื่ออัยการเห็นชอบและมีความเห็นสั่งฟ้อง แสดงว่าพยานหลักฐานเพียงพอสำหรับการดำเนินคดี อย่างไรก็ตาม ในชั้นศาล อัยการในฐานะโจทก์จะต้องชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่าย
พ.ต.ต.วรณัน ย้ำว่า คดีแชร์ลูกโซ่ Forex-3D และคดีแชร์ดิไอคอนกรุ๊ป มีความแตกต่างกันในด้านพฤติการณ์และพยานหลักฐาน ดีเอสไอในฐานะหน่วยงานสอบสวนชั้นต้นดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม โดยไม่หวั่นไหวต่อคำพิพากษาที่ออกมา
