วันที่ 4 ธันวาคม 2567 เมื่อเวลา 12.20 น. เครื่องบินพิเศษอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) (ฝ่ายจีน) ถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 กรุงเทพมหานคร นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ประธานกรรมการดำเนินโครงการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) เป็นประธานในพิธีรับการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากสาธารณรัฐประชาชนจีน มาประดิษฐาน ณ ประเทศไทยเป็นการชั่วคราว พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ เข้าร่วมพิธี
เวลา 13.19 น. ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ถึงไทย โดยมีพระพรหมดิลก กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดสามพระยา เป็นประธานสงฆ์ฝ่ายไทย และพระอาจารย์เหยี่ยนเจว๋ ประธานพุทธสมาคมจีน เจ้าอาวาสวัดกว่างจี้ เป็นประธานสงฆ์ฝ่ายจีน พระสงฆ์ฝ่ายไทยและฝ่ายจีน ได้ร่วมประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ หลังจากนั้นนายเฉิน รุ่ยเฟิง รัฐมนตรีประจำสำนักกิจการศาสนาแห่วชาติจีนหัวหน้าคณะผู้แทนฝ่ายจีน กล่าวมอบพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ประธานกรรมการดำเนินโครงการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) เป็น ประธานในพิธีฝ่ายไทย กล่าวรับพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) โดยมีนายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการประสานงานโครงการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว)และคณะกรรมการดำเนินโครงการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมพิธี
เวลา 14.42 น. เคลื่อนขบวนรถอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ(พระเขี้ยวแก้ว) ออกจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ผ่านเส้นทางเยาวราช เข้าสู่ถนนราชดำเนินไปยังลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์
จากนั้นในเวลา 16.30 น. ริ้วขบวนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จะเริ่มเคลื่อนขบวนจากลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ เพื่อไปยังมณฑลพิธีท้องสนามหลวง และประกอบพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ขึ้นประดิษฐานที่มณฑปต่อไป
การอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) มาประดิษฐานในประเทศไทยครั้งนี้ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และในโอกาสการครบรอบ 50 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย – จีน ในปี 2568 เป็นการสานต่อมิตรภาพอันยาวนานระหว่างไทยกับจีน ผ่านสายสัมพันธ์ทางพระพุทธศาสนาผลักดันการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันระหว่างไทย – จีน และให้คำว่า “จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” ผูกสัมพันธ์แน่นแฟ้นในจิตใจของประชาชนทั้งสองประเทศ