คัดลอก URL แล้ว
“เคนโด้-อี้” จี้ ดีเอสไอ สอบ บริษัทซิม เอี่ยวเส้นเงิน “สามารถ”

“เคนโด้-อี้” จี้ ดีเอสไอ สอบ บริษัทซิม เอี่ยวเส้นเงิน “สามารถ”

วันที่ 2 ธันวาคม 2567 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เคนโด้ และอี้ แทนคุณ เดินทางมาขอให้ดีเอสไอ ตรวจสอบบริษัทซิมแห่งหนึ่ง ที่พบว่า เป็นเจ้าของรถที่ดีเอสไอ ยึดมาจากนายสามารถ แต่กลับพบว่า ชื่อเจ้าของรถ ไม่ใช่นายสามารถ แต่เป็นชื่อบริษัทซิมดังกล่าว จึงสงสัยว่า มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกันหรือไม่

โดยรถตู้หรู โตโยต้า อัลพาร์ด ป้ายแดง ที่ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ได้ยึดมาจากนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ซึ่งวันนี้ นายเกรียงไกรมาศ พจนสุนทร หรือ เคนโด้ พร้อมด้วย นายแทนคุณ จิตต์อิสระ หรือ อี้ ได้นำหลักฐานและข้อมูลมาให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ตรวจสอบ เนื่องจากทราบข้อมูลมาว่า เป็นรถที่นายสามารถใช้งาน แต่กลับพบว่า ชื่อเจ้าของรถ เป็นของบริษัทซิม แห่งหนึ่ง

เคนโด้ บอกว่า ตามที่ดีเอสไอ ได้ออกหมายจับ นายสามารถและแม่ พร้อมตรวจยึดรถมาได้ 1 คัน ซึ่งข้อมูลที่ตนมี พบว่า มี 5 คัน ซึ่งรถคันที่ยึดมานี้ พอไปตรวจสอบชื่อ พบว่า ไม่ใช่ชื่อของนายสามารถ แต่เป็นชื่อ ของบริษัทซิมแห่งหนึ่ง จึงสงสัยว่า บริษัทนี้ มีส่วนเกี่ยวข้องกับเส้นเงินของนายสามารถหรือไม่ และขณะนี้บริษัทแห่งนี้ก็กำลังเกิดความดรามา การชักชวนมาลงทุน พร้อมอ้างได้ผลตอบแทนสูง และยังมีดารา นักการเมือง ไปทำการตลาดให้ จนตอนนี้มีผู้เสียหายออกมาร้องเรียนว่า มีการดำเนินการธุรกิจแบบใด เป็นขายตรงหรือไม่

ยืนยันว่า ไม่ได้บอกว่า บริษัทซิมผิด แต่ตอนนี้บริษัทนี้กำลังตกเป็นที่สงสัยของพี่น้องประชาชนในโซเชียลเต็มไปหมด และที่บริษัทบอกว่า มีแผนการจ่ายแบบ 300% เช่น จ่าย 5,000 บาท ได้เงินกลับ 15,000 บาท อยากให้บริษัท ชี้แจง และให้ดีเอสไอ ตรวจสอบว่า เป็นการฉ้อโกงประชาชนหรือไม่

คุณเคนโด้ ยังบอกให้ จับตาในวันพรุ่งนี้ (3 ธ.ค.) ที่บริษัทซิม บอกว่า จะจ่ายเงินกำไรการลงทุนให้กับสมาชิกทั้งหมด ร่วมกว่าหมื่นราย หลังจากผลัดมาแล้ว 1 ครั้ง จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่

นอกจากนี้ คุณเคนโด้ ยังนำพยานรายหนึ่งมาด้วย ทราบว่า เป็นเหยื่ออีก 1 คน ซึ่งผู้เสียหายที่ทางสอบสวนกลางพบเส้นเงินเกี่ยวข้องกับเงินหมุนเวียนจำนวน 100 กว่าล้านของบัญชีแม่นายสามารถ และยังถูกนายสามารถตบทรัพย์ เดือนละ 30,000 บาท ซึ่งเป็นรายเดียวกับที่ พลตำรวจโทจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้เปิดเผยคำให้การไปก่อนนี้ ที่ผู้เสียหายรายนี้ ระบุว่า ตัวเองถูกรังแกเนื่องจากประกอบธุรกิจขายตรงแล้ว นายสามารถ ไปมองว่า ธุรกิจของเขานั้นเข้าข่ายมีความผิดและมีหลักฐานบางอย่าง และกลัวว่าจะเกิดความเสียกับธุรกิจ จึงยินยอมจ่ายไปเดือนละ 30,000 บาท เป็นเงินรวม 500,000 บาท ซึ่งจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินเส้นนี้ พบว่า อยู่ในเส้นทางการเงินจำนวน 100 กว่าล้านบาท ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางได้สืบสวนไปก่อนหน้านี้

ผู้เสียหายรายนี้ เล่าให้ฟังว่า ตนรู้จักกับนายสามารถมาประมาณ 10 ปี ซึ่งตอนนั้น นายสามารถเป็น ประธานสมาพันธ์แชร์ลูกโซ่ กระทั่งปี ตนถูกเข้าใจผิดว่า ตนนำ “ปรับปรุงดิน” มาขายเป็นปุ๋ย จากการทำใบปลิวขายสินค้า โดยนายสามารถบอกว่า มีผู้เสียหายมาร้องเรียน และบอกตนว่า หากไม่อยากโดนคดี ต้องจ่ายเงินให้นายสามารถ ตอนแรกถูกเรียก 50,000 บาท จนต่อรองจบที่ 30,000 บาท รวมจ่ายเวลาเกือบ 1 ปี ตั้ง ก.ค. 66 – ก.ค. 67 รวมแล้วประมาณ 500,000 บาท

นอกจากนี้ ยังให้โอนทำบุญ ต่างๆ อย่างเช่น งานวันเกิดของนายสามารถเอง โดยไม่สมัครใจด้วย ซึ่งนายหน่องก็ยอมโอน เพราะนายสามารถมีการส่งข้อความที่พยายามจะสื่อว่า นายสามารถมีอำนาจบารมี รวมถึงลิงค์ข่าวต่างๆ ให้นายหน่องดูทุกวัน ส่วนเงินที่โอนให้ นายสามารถอ้างว่า ต้องนำเงินไปดูแลนาย ในหลายหน่วยงาน ส่วนตัวยังคิดว่ามีผู้เสียหายเยอะ แต่แค่ยังไม่กล้าออกมา

ขณะที่ คุณอี้ แทนคุณ ยังบอกเสริมอีกว่า พฤติกรรมของนายสามารถมีการไปแอบอ้างเทวดา เพื่อไปเรียกรับเงินจากผู้เสียหาย โดยแบ่งพฤติกรรมเป็น 3 ลักษณะคือ

  1. อ้างมีผู้ใหญ่ มีแบคดี มีเทวดาคุ้มครอง
  2. ต้องจ่ายส่วน จ่ายค่าเซ่นเทวดา
  3. มักจะแสวงหาผลประโยชน์จากการใช้ข้อมูลจากผู้เสียหายว่า มีคนมาร้องเรียนให้ช่วยเหลือเมื่อได้ข้อมูลจากเสียหายก็จะไปคุยกับบุคคลอื่นเพื่อกลับตบทรัพย์

ตนจึงมองว่า มันสอดคล้องกับเงินที่คุณแม่พูดว่า เป็นเงินทำบุญที่โอนเข้าบัญชีแม่ของนายสามารถที่อ้างว่าเป็นเงินทำบุญหรือไม่


ข่าวที่เกี่ยวข้อง