นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพรรคกลุ่มพันธมิตร ออกมาระบุว่า มีความจำเป็นต้องนัดชุมนุมลงถนน เป็นวาระสุดท้ายของชีวิต ว่า เราต้องรักษาความสงบในประเทศให้ได้มากที่สุด เพราะถ้าเรากำลังจะไปประเทศไหนแล้วเขากำลังมีม็อบ เราก็คงไม่อยากไป ดังนั้น จะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของประเทศอย่างแน่นอน แต่หากประชาชนมีข้อเรียกร้องหรือข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล ก็มีกระบวนการในการรับฟังเสียงของประชาชนอยู่แล้ว ทั้งเรื่องการยื่นจดหมายร้องเรียน รัฐบาลเห็นความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนสำคัญเสมอ ดังนั้นเรื่องการเกิดม็อบยังเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น เราสามารถพูดคุยกันได้
เมื่อถามว่านายสนธิจะเดินทางมายื่นหนังสือคัดค้าน MOU 44 และเข้าพบนายกรัฐมนตรีด้วยตนเองนั้น จะมารับหนังสือด้วยตัวเองหรือไม่ นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า คงต้องรับเป็นกระบวนการที่วางไว้ คงไม่มีอะไรเป็นพิเศษในเคสไหน ไม่อย่างนั้นจะต้องมีการวางเคสใหม่เรื่อย ๆ อยากให้เป็นไปตามกฎตามกระบวนการมากกว่า
เมื่อถามว่ากรณี MOU 44 ยังมีเสียงคัดค้านแม้รัฐบาลจะชี้แจงแล้ว จะต้องทบทวนหรือไม่ นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า สิ่งที่เดินหน้าตอนนี้มีเรื่องเดียว คือ การตั้งคณะกรรมการ ในการเจรจาระหว่าง 2 ประเทศ และเรื่องนี้จะมีการให้ข้อมูลประชาชนเรื่อยๆ ว่าในนั้นมีเนื้อความอย่างไรบ้าง ก็พยายามจะให้ข้อมูลมากกว่า ส่วนจะเดินต่อหรือไม่เดินต่อเราพูดคุยผ่านคณะกรรมการระหว่าง 2 ประเทศดีกว่า
ส่วน MOU 44 ที่หลายฝ่ายมองว่าเราสามารถยกเลิกเองฝ่ายเดียวได้นั้น นางสาวแพทองธารกล่าวว่า ตามหลักของกฎหมายแล้ว จริงๆ สามารถยกเลิกได้ อย่างเมื่อวานก็ได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ ไม่มีประเทศไหนอยากจะขัดแย้งกันอยู่แล้ว ดังนั้นดังนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องเซนซิทีฟ เราจึงเราจึงต้องทำให้คนในประเทศของเราเข้าใจผิด และการตกลงในเรื่องนี้ควรจะเป็นการพูดคุยระหว่าง 2 ประเทศ เพื่อความไม่แตกแยก
เมื่อถามว่าประเด็นนี้มีอะไรซ่อนอยู่หรือไม่ นางสาวแพทองธาร บอกว่าอาจจะเป็นประเด็นทางการเมืองหรือเปล่า อันนี้ไม่แน่ใจ เพราะประเด็นการเมืองก็มีมากมายอยู่แล้วในทุกวัน แต่เรื่องระหว่างประเทศเป็นเรื่องเซนซิทีฟ คำพูดของเพราะหากเป็นคำพูดของนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศที่สื่อสารออกไป ประเทศอื่นๆ ก็จะรับสิ่งที่พูดออกไปเลย เพราะฉะนั้นเพราะฉะนั้นทางเราจะพยายามสื่อสารด้วยความระมัดระวังและเห็นอกเห็นใจทั้ง 2 ฝ่าย และตอนนี้พื้นที่ที่เราพูดคุยกันยังเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ ยังไม่มีมีการเคาะอะไรทั้งสิ้น ทั้งเราและกัมพูชายังไม่มีใครเสียผลประโยชน์อะไรในตอนนี้ และแน่นอนว่าส่วนตัวเป็นนายกรัฐมนตรี ของประเทศไทยไม่มีทางเห็นประเทศใดสำคัญไปกว่าประเทศไทยดังนั้นขอให้มั่นใจตรงนี้ ว่า ดิฉันเองเกิดในแผ่นดินนี้เพราะฉะนั้นไม่มีทางที่จะเห็นที่ไหนดีกว่าบ้านเรา
เมื่อถามว่า หากยังคงเดินหน้าในเรื่องนี้แล้วทำให้ไม่ความสงบในประเทศเกิดขึ้นจะเลือกแบบไหน นางสาวแพทองธารถึงขั้นร้อง อู้ว! เราอย่าพึ่งมองตรงนั้นดีไหมเรื่องนี้ MOU 44 มีมานานแล้ว แต่เรื่องทำให้คนเข้าใจผิดมันไม่มี ดังนั้นต้องฟังข้อเท็จจริงรอบด้าน อย่าเอาเป็นเรื่องของกระแสหรือความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศของเรามาทำให้เป็นประเด็นปัญหาระหว่างประเทศ มันจะไม่ดี ไม่อยากให้เป็นแบบนั้น
ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะรีบตัดบท ถามถามสื่อมวลชนว่ามีคำถามอื่นหรือไม่แต่สื่อมวลชนกลับถามต่อในประเด็นดังกล่าวว่า เคยมีการยกพระบรมราชโองการของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ตรัสถึงไหล่ทวีป จะนำมาพิจารณาด้วยหรือไม่ นางสาวแพทองธาร บอกว่า ในนั้นเราได้ดูเนื้อหาอย่างละเอียดแล้วเพราะฉะนั้นอะไรที่เป็นปัญหาเราจะไม่ทนกับปัญหาแน่นอนเราต้องค่อยค่อยร่วมมือกันแก้ไข พร้อมกับตัดบทผู้สื่อข่าวอีกครั้งว่าขอประเด็นอื่น