สถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้หลายจังหวัดน่าเป็นห่วง หลังเกิดฝนตกหนักสะสมทั้งวันหลายพื้นที่ ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก ดินสไลด์ และน้ำท่วมฉับพลัน อย่างจังหวัดปัตตานี น้ำได้ไหลเข้าท่วมโรงพยาบาลโคกโพธิ์ สูงถึง 30-40 ซม. รวมถึงบริเวณโดยรอบของโรงพยาบาล ทางเจ้าหน้าที่ต้องนำกระสอบทรายมากั้นทางน้ำตั้งแต่ประตูทางเข้า และกั้นภายในของตึกและอาคารต่างๆ
เช่นเดียวกับที่โรงเรียนพิริยะนาวิน น้ำทะลักเข้าท่วมสูงเกือบ 1 เมตร ภายในห้องเรียนชั้นล่าง รวมไปถึงอาคารหอพักนักเรียน ทหารต้องเดินลุยน้ำ และใช้เรือยางเข้าไปช่วยเหลือนำนักเรียนที่ติดอยู่ในอาคารออกมาอย่างปลอดภัย ขณะที่นักเรียนบางคนต้องเดินลุยน้ำออกมาเอง
ส่วนที่จังหวัดยะลา ก็เกิดน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ รวมทั้งมวลน้ำได้ไหลเข้าท่วมพื้นที่ในเขตตัวเมือง โดยเฉพาะย่านเศรษฐกิจ หน้าสถานีรถไฟยะลา มวลน้ำได้เข้าท่วมอย่างรวดเร็ว ระดับน้ำสูงประมาณ 60-80 เซนติเมตร ชาวบ้านและร้านค้า ต้องเร่งอพยพสิ่งของเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเร่งด่วน ขณะที่บนถนน พบรถยนต์ 3-4 คัน จอดติดน้ำท่วมสูง ชาวบ้านในพื้นที่ บอกว่า “ครั้งสุดท้ายที่มีน้ำท่วมแบบนี้ก็คือปี 2531 ปีนั้นเป็นปีที่น้ำท่วมใหญ่ของยะลา และในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี ที่น้ำท่วมมาถึงหน้าร้านบริเวณที่ไม่คาดคิดว่าน้ำจะท่วมซ้ำได้อีก”
ขณะที่การรถไฟฯ หยุดเดินรถชั่วคราว ด้านเทศบาลนครยะลาเร่งดำเนินการเดินเครื่องสูบน้ำระบายน้ำลงแม่น้ำปัตตานีตลอด 24 ชั่วโมง ด้านศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม สรุป สถานการณ์อุทกภัยจังหวัดยะลา มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองยะลา ,อ.ยะหา และ อ.บันนังสตา ประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 16,500 ครัวเรือน ส่วนพื้นที่อื่นๆ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการสำรวจความเสียหาย พร้อมได้ประสานฝ่ายปกครองทุกอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเนื่องจากแนวโน้มยังมีฝนตกต่อเนื่อง
นอกจากนี้ที่จังหวัดนราธิวาส แม่น้ำโก-ลกที่รับมวลน้ำป่าจากเทือกเขาสันกาลาคีรี จนทำให้ล้นตลิ่งเข้าท่วมอย่างรวดเร็วใน 7 ชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ระดับน้ำสูงโดยเฉลี่ย 70 – 170 ซม.ชาวบ้านต้องอพยพสิ่งของจำเป็นหนีไปอยู่ชั้น 2 อีกส่วนต้องอพยพไปอยู่ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย
อีกทั้งยังเกิดดินสไลด์ ปิดเส้นทางนราธิวาส-ยะลา 1 จุด เจ้าหน้าที่ต่างเร่งเคลียร์ เปิดการจราจร ขณะในพื้นที่บ้านศาลาวดีในอำเภอยี่งอ ซึ่งเป็นพื้นที่ราบลุ่ม ในปีนี้ก็ยังคงมีน้ำท่วมขังเนื่องจากเป็นพื้นที่ต่ำ ประชาชนในพื้นที่ต้องประสบอุทกภัยทุกปี โดยในวันนี้ เจ้าหน้าที่ได้เร่งนำเรือไปบริการให้แก่ประชาชนเพื่อใช้ในการสัญจรไปมา
ด้านว่าที่ร้อยตรีตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ประกาศแจ้งเตือนให้ประชาชนเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ระหว่างวันที่ 27 พ.ย.-4 ธ.ค.นี้อีกระยะ ซึ่งอาจมีน้ำท่วมฉับพลัน จากการเอ่อล้นของระดับน้ำในแม่น้ำสายบุรี แม่น้ำบางนรา แม่น้ำโก-ลก และคลองตันหยงมัส ล่าสุด สั่งการให้ทุกอำเภอ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าสำรวจความเสียหายและเร่งให้การช่วยเหลือประชาชนโดยทันที และติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่ม เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่
สำหรับทางด้านนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า “ขณะนี้ดิฉันได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน และเร่งแก้ไขสถานการณ์ตามแผนที่ได้เตรียมไว้โดยด่วน พร้อมกันนี้ ให้เตรียมแผนรับมือกรณีมีพายุฝนเพิ่มเติมค่ะ
ขอส่งกำลังใจให้พี่น้องทุกท่านที่กำลังประสบเหตุขณะนี้ และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกท่าน ที่กำลังทำงานหนักเพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนค่ะ”
ขณะที่ทางสำนักงานทรัพยากรน้ำที่ 8 เผย พื้นที่ 8 อำเภอ จังหวัดสงขลา ที่มีฝนสะสมต่อเนื่อง 12 ชม.เกิน 100 มม. และยังมีฝนตกสะสมต่อเนื่องเสี่ยงต่อการเกิดสถานการณ์น้ำ ทั้งสภาวะน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลับพลัน และน้ำล้นตลิ่ง
ประกอบด้วย อ.หาดใหญ่ , อ.นาหม่อม , อ.เมืองสงขลา , อ.สะบ้าย้อย , อ.เทพา , อ.จะนะ , อ.นาทวี และอ.สะเดา
เพื่อความไม่ประมาท ขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์ในพื้นที่ และติดตามข่าวสารจาก จังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและส่วนราชการอย่างใกล้ชิด ป้องกันความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นทั้งชีวิตและทรัพย์สิน