นางสาวธันย์นิชา หรือ ทนายพัช หลังจากได้รับการประกันตัวจากคดีซ่อนเร้นหลักฐาน จากคดี “แอม ไซยาไนด์” นายไชยา คุ้มอ่ำ ทนายความของจำเลยทั้ง 3 คน บอกว่า คำพิพากษาถือเป็นดุลยพินิจของศาล เราต้องเคารพและไม่ก้าวล่วงต่อศาล เมื่อศาลใช้ดุลพินิจแบบไหนเราต้องมีหน้าที่ในการต่อสู้ในชั้นอุทรณ์ ซึ่งจะมีหลายประเด็นที่ไม่เห็นด้วยกับการวินิจฉัยของศาล โดยจะเน้นพยานหลักฐานฝั่งตนที่เคยนำสืบไปแล้ว มาต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ต่อไป
ด้าน น.ส.ธันย์นิชา หรือ ทนายพัช กล่าวถึง พยานฝั่งจำเลย ทั้งคนติดตั้งกล้องวงจรปิดและความเห็นของแพทย์หญิง คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ ในคำพิพากษาไม่มีการกล่าวถึงพยานส่วนนี้ของฝั่งจำเลยแม้แต่น้อยทำให้ตนรู้สึกติดใจ โดยเฉพาะความเห็นในส่วนของหมอพรทิพย์ที่ไม่มีอยู่ในคำพิพากษาได้อย่างไร แถมไม่พบสารไซยาไนด์ในตัวของ “แอม” รวมทั้งเสื้อผ้าหรือที่เล็บและเสื้อผ้าของผู้ตายก็ไม่พบดีเอ็นเอของบุคคลอื่น ส่วนประเด็นที่พบว่ามีถุงดำหรือถุงมือปรากฎในข่าวนั้นก็ไม่พบดีเอ็นเอของแอมเช่นเดียวกัน เมื่อถามว่าประเด็นที่มีการพบขวดไซยาไนด์ภายในรถ ได้อย่างไร ทนายพัช กล่าวว่า ทางตำรวจมีการสั่งซื้อไซยาไนด์ เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2566 แล้วนำมาทดสอบในรถเพื่อประกอบในสำนวนคดี
ส่วนหลังศาลมีคำพิพากษาตัดสินประหารชีวิต “แอม” รู้สึกไม่เครียดเพราะว่า แอมทำใจไว้แล้วว่าผลพิพากษาจะต้องออกมาเป็นแบบนี้
ทนายพัช ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการช่วยปกปิดพยานหลักฐาน และทำให้ผู้กระทำความผิดไม่ต้องรับโทษ แต่ตนไม่ขอเปิดเผยข้อมูลเพราะจะมีผลต่อการต่อสู้ของรูปคดี
ทนายพัช ยังกล่าวเสริมว่า มีคำพูดที่แอมพูดไว้ด้วยแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเกรงว่าจะละเมิดอำนาจของศาล ส่วนการต่อสู้ของตนและอดีตสามีของแอม ในชั้นอุทธรณ์นั้น ยังไม่ขอเปิดเผย เพราะจะมีผลต่อการต่อสู้ของรูปคดีเช่นกัน แต่ยืนยันว่าจะต่อสู้แน่นอน