วันที่ 20 พฤศจิกายน ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ผู้พิพากษา 4 นาย ใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมงในการอ่านคำพิพากษาคดี นางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ “แอม ไซยาไนด์”, พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ อดีตสามี และ น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ หรือ “ทนายพัช” ในคดีฆ่า น.ส.ศิริพร ขันวงษ์ หรือ “ก้อย”
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานพบว่า ช่วงวันที่ 1 มกราคม 2563 ถึง 5 พฤษภาคม 2566 จำเลยที่ 1 มีเงินหมุนเวียนในบัญชีมากกว่า 95 ล้านบาท เชื่อมโยงกับบัญชีม้าและเว็บพนันออนไลน์อีก 10 บัญชี โดยในปี 2564-2565 เสียเงินให้กับพนันออนไลน์จำนวนมาก ซึ่งพบว่ามีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว
พบพฤติกรรมพิรุธของจำเลยที่ 1 หลายประการ ทั้งการสั่งซื้อสารไซยาไนด์อย่างเร่งรีบทั้งที่ไม่มีอาชีพเกี่ยวกับสารเคมี พบยาไซยาไนด์ซ่อนในรถยนต์ผู้ตายหลายจุด รวมถึงยาแคปซูลที่มีสารไซยาไนด์ อีกทั้งคอยอยู่ใกล้ผู้ตายเพื่อขโมยของก่อนที่จะมีผู้อื่นเข้ามาช่วยเหลือ
สำหรับจำเลยที่ 2 มีพฤติการณ์นำกระเป๋าของกลางไปส่งให้จำเลยที่ 1 แทนที่จะส่งให้พนักงานสอบสวน ส่วนจำเลยที่ 3 ในฐานะทนายความยุยงให้จำเลยที่ 1 ปกปิดของกลางในคดี
ศาลพิพากษาประหารชีวิตจำเลยที่ 1 ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จำเลยที่ 2 และ 3 มีความผิดฐานช่วยเหลือผู้กระทำผิดและซ่อนเร้นหลักฐาน จำคุกคนละ 2 ปี ไม่รอลงอาญา แต่จำเลยที่ 2 ให้การเป็นประโยชน์ลดโทษเหลือ 1 ปี 4 เดือน พร้อมให้ชดใช้ค่าเสียหาย 2,343,588 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศว่า จำเลยทั้งสามถูกใส่กุญแจมือและยืนฟังคำพิพากษาตลอดเวลา โดย “แอม” ยืนตรงกลาง มีสีหน้าเรียบเฉย หันคุยกับทนายพัชตลอด ไม่สนใจอดีตสามี และมีบางจังหวะที่จำเลยทั้งสามหัวเราะออกมา
ด้านนางพิน มารดาผู้เสียชีวิต กล่าวด้วยน้ำตาว่าขอบคุณศาลที่ให้ความยุติธรรม พร้อมบอกว่าแม้แต่ตอนได้รับโทษประหารชีวิต “แอม” ก็ยังดูปกติ ไม่มีท่าทีสลด ขณะที่นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความ เปิดเผยว่าคำพิพากษานี้จะเป็นแนวทางสำหรับอีก 14 คดีที่เกี่ยวข้องกับ “แอม” ซึ่งอัยการจะนำสำนวนมามอบให้ศาลในวันอังคารที่จะถึง
