ด่วน! บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจเคาะโครงการ “เงินดิจิทัล เฟส 2” มุ่งเน้นกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป วงเงินกว่า 40,000 ล้านบาท พร้อมทั้งเตรียมเร่งดำเนินการจ่ายเงินครั้งแรกทันช่วงเทศกาลตรุษจีน ม.ค. 2568
ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งที่ 1/2567 ที่มีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นประธาน และบุคคลสำคัญจากหลายหน่วยงานร่วมประชุม มีการพิจารณาแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจในปี 2567 ผ่านโครงการสำคัญ 3 วาระ ซึ่งรวมถึงมาตรการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ในเฟส 2
รายละเอียดโครงการเงินดิจิทัลเฟส 2
กลุ่มเป้าหมาย:
ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่ผ่านเกณฑ์โครงการเติมเงิน 10,000 บาทเฟสแรก
ไม่ซ้ำซ้อนกับกลุ่มเป้าหมายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
คาดการณ์จำนวนไม่เกิน 4 ล้านคน
งบประมาณ:
วงเงินรวมไม่เกิน 40,000 ล้านบาทจากงบประมาณประจำปี 2568 เพื่อสนับสนุนคุณภาพชีวิตและบรรเทาภาระค่าครองชีพให้กลุ่มเป้าหมาย
ขั้นตอนการจ่ายเงิน:
จ่ายเงินจำนวน 10,000 บาทต่อคน
โอนผ่านบัญชี พร้อมเพย์ ที่ผูกกับเลขบัตรประชาชน
เริ่มจ่ายครั้งแรกภายในมกราคม 2568
ความคืบหน้าเฟส 3 และมาตรการอื่น
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันว่าโครงการเฟส 3 จะเดินหน้าต่อ โดยมีเป้าหมายเริ่มดำเนินการในช่วงไตรมาส 2/2568 หรือตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของสถานการณ์เศรษฐกิจ
การปรับโครงสร้างหนี้: ยังหาข้อสรุป
อีกหนึ่งประเด็นร้อนคือ มาตรการปรับโครงสร้างหนี้ครัวเรือนวงเงิน 1.2 – 1.3 ล้านล้านบาท ที่ยังไม่มีข้อสรุปในที่ประชุม เนื่องจากต้องการความรอบคอบในการพิจารณา ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยรับปากจะกลับไปศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อหารือในวันถัดไป
ความสำคัญของโครงการ
โครงการเงินดิจิทัล เฟส 2 ถือเป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญที่รัฐบาลตั้งเป้าเพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้สูงอายุที่มีความจำเป็นต่อการเพิ่มคุณภาพชีวิต อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการบริโภคและเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นหัวใจของการฟื้นฟูเศรษฐกิจในปี 2568
ติดตามความคืบหน้า:
รัฐบาลจะทยอยเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเฟส 3 และการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ ตลอดจนแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะส่งผลต่อประชาชนในวงกว้างในอนาคต
คำแนะนำในการเข้าร่วมโครงการ
ตรวจสอบสิทธิ์และลงทะเบียนผ่านระบบที่รัฐจัดเตรียม
ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนเพื่อรับเงินทันทีเมื่อผ่านเกณฑ์
การพัฒนาครั้งนี้ไม่เพียงช่วยลดภาระประชาชน แต่ยังเป็นก้าวสำคัญในการสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและสังคมไทย.