คัดลอก URL แล้ว
ลูกช้างป่า “กันยา” เสียชีวิตด้วยโรคเฮอร์ปีส์ไวรัส แม้ทีมสัตวแพทย์พยายามรักษาอย่างเต็มที่

ลูกช้างป่า “กันยา” เสียชีวิตด้วยโรคเฮอร์ปีส์ไวรัส แม้ทีมสัตวแพทย์พยายามรักษาอย่างเต็มที่

โรงพยาบาลช้าง ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย (TECC) แจ้งการเสียชีวิตของลูกช้าง “พังกันยา” เมื่อเวลา 23.31 น. ของวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 หลังตรวจพบการติดเชื้อเฮอร์ปีส์ไวรัส ซึ่งเป็นโรคร้ายแรงที่คร่าชีวิตช้างอายุน้อยได้ โดยลูกช้างแสดงอาการซึม เบื่ออาหาร หน้าบวม และพบจุดเลือดออกที่ลิ้น

ทีมสัตวแพทย์ได้ทุ่มเทรักษาด้วยวิธีต่างๆ ทั้งการให้ยาต้านไวรัส การถ่ายเลือดจาก “พังแม่ขอด” ช้างในสถาบันคชบาลแห่งชาติ จังหวัดลำปาง และการรักษาด้วยสเต็มเซลล์เพื่อลดการอักเสบและฟื้นฟูหลอดเลือดที่ได้รับความเสียหาย

เฟซบุ๊ก “ร่มแดนช้าง Tusker Shelter” ได้แสดงความขอบคุณสถาบันคชบาลแห่งชาติที่ให้การดูแลและคำแนะนำในการอนุบาลลูกช้างกันยามาโดยตลอด รวมถึงโรงพยาบาลช้างที่ทุ่มเทรักษาอย่างเต็มความสามารถ

ต่อมาด้านสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (เชียงใหม่) ได้รายงานการเสียชีวิตของลูกช้างพังกันยา ซึ่งเผยถึงประวัติการดูแลรักษาของช้างพังกันยา ที่ได้ถูกส่งตัวมาตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 สบอ.16 (ชม)ได้รับมอบลูกช้างป่าพลัดหลง เพศเมีย จำนวน 1 ตัว อายุประมาณ 2 เดือน ชื่อ พังกันยา จากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว สบอ.10 (อุบลราชธานี) โดยลูกช้างดังกล่าวมีประวัติพลัดหลงจากฝูง และมีร่างกายที่แคระแกร็น ขาดสารอาหาร โดยได้รับความอนุเคราะห์จากปางช้างภัทร อ.หางดง จ.เชียงใหม่ เอื้อเฟื้อสถานที่ อาหารและการอนุบาลเพื่อฟื้นฟูสุขภาพสัตว์ โดยมีสัตวแพทย์ประจำปางช้างภัทร สัตวแพทย์ประจำสบอ.16 และทีมงานเจ้าหน้าที่จากเขตฯภูวัว ให้การดูแลร่วมกัน และมีแม่ช้างรับที่คอยให้การดูแลและป้อนนมลูกช้าง เพื่อทำให้สัตว์กลับมามีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้น แม้ว่าจะมีอัตราการเจริญเติบโตที่ช้ากว่าลูกช้างปกติ และมีโครงสร้างขาหลังทั้ง 2 ข้างที่บิดโค้งเล็กน้อย แต่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเดินและการเคลื่อนไหว

ต่อมาในวันที่ 4 พ.ย.67 สบอ.16 ได้รับรายงานจากนส.พ.บุรฉัตร ตันประดิษฐ์ สัตวแพทย์ประจำ สบอ.16 ซึ่งได้รับมอบหมายให้ร่วมดูแลพังกันยา ว่าได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จากปางช้างภัทร ว่า พังกันยาได้แสดงอาการป่วย ซึม หน้าบวม คางบวม และไม่กินอาหาร ในเบื้องต้นคาดว่า ติดเชื้อเฮอร์ปีส์ไวรัสในช้าง (EEHV , Elephant Endotheliotropic Herpes virus ) ซึ่งถือว่าเป็นโรคไวรัสที่มีความอันตรายร้ายแรงถึงชีวิตในกลุ่มช้างอายุน้อย หรือลูกช้าง จำเป็นที่จะต้องได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีโดยเร่งด่วน จึงได้นำส่งสถาบันคชบาลฯ เมื่อวันที่ 4 พย. ที่ผ่านมา ซึ่งก็ไม่สามารถช่วยชีวิตช้างพังกันยาได้


ข่าวที่เกี่ยวข้อง