คัดลอก URL แล้ว
“ทิสโก้” มอง “เลือกตั้งสหรัฐฯ” ทำตลาดหุ้นผันผวน

“ทิสโก้” มอง “เลือกตั้งสหรัฐฯ” ทำตลาดหุ้นผันผวน

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ ประเมินการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่า โอกาสชนะของอดีตประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” สูงกว่า “นางคามาลา แฮร์ริส” และคาดว่าพรรครีพับลิกัน จะควบอำนาจ มีที่นั่งส่วนใหญ่ในสภา หากเป็นไปตามนั้น ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้สหรัฐฯ (Bond Yield) จะมีทิศทางขาขึ้น แต่จะมาพร้อมกับความผันผวนที่เพิ่มขึ้นด้วย

ขณะที่ แนวโน้มกำไรตลาดหุ้นไทยที่ยังถูกหั่นลง กดดันตลาดหุ้นไทยเดือนพฤศจิกายนนี้ แกว่งพักฐานต่อเนื่อง ซึ่งเป็นจังหวะในการสะสมหุ้นที่คาดกำไรจะออกมาดีทั้งในไตรมาส 3 ต่อเนื่องถึงไตรมาส 4 โดยหุ้นเด่น เช่น ADVANC (แอดวานซ์) AMATA (อมตะ) BEM (บีอีเอ็ม) COM7 (คอมเซเว่น) CPALL (ซีพีออลล์)

บล.ทิสโก้ คาดการณ์ผลกระทบต่อการลงทุนในตลาดหุ้น ในกรณีที่ “ทรัมป์” ชนะ คาดว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะปรับขึ้นทันทีจากนโยบายลดภาษีนิติบุคคลจาก 21% เป็น 15% ซึ่งประเมินว่าจะช่วยเพิ่มกำไรของบริษัทใน S&P500 (เอสแอนด์พีห้าร้อย) ประมาณ 4% กรณี แฮร์ริส ชนะ การเสนอเพิ่มภาษีนิติบุคคลเป็น 28% ส่งผลลบต่อกำไร -5% ถึง -8% เมื่อรวมผลจากนโยบายด้านภาษีอื่นๆ

ผลกระทบต่อตลาดหุ้นเอเชีย กรณี ทรัมป์ ชนะ – นโยบายขึ้นภาษีนำเข้า (60% กับจีน, 10% กับประเทศทั่วไป) อาจไม่เป็นผลดีต่อตลาดหุ้นเอเชีย เพราะราคาสินค้านำเข้าสูงขึ้นจะเพิ่มเงินเฟ้อ ทำให้เฟด (FED) ปรับลดดอกเบี้ยน้อยกว่าที่คาด ขณะที่กรณี แฮร์ริส ชนะ อาจคลายความกังวลเรื่องภาษีนำเข้า ส่งผลบวกต่อ Sentiment การลงทุนในเอเชีย

สำหรับสถิติการตอบสนองของตลาดหุ้นหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ นับตั้งแต่ปี 1930 หรือ หลังวิกฤตเศรษฐกิจ เป็นต้นมา พบว่า หลังการเลือกตั้ง 2 เดือน (พ.ย.-ธ.ค.) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มักให้ผลตอบแทนเป็นบวกเฉลี่ย 3.4%

ส่วนตลาดหุ้นไทยหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ 3 เดือน มักให้ผลตอบแทนเป็นบวกเฉลี่ย3.2% และมีโอกาสปรับตัวขึ้นสูงถึง 82% ส่วนหนึ่งเชื่อว่าเป็นผลมาจากตลาดหุ้นไทยมักจะเกิดผลกระทบ “January Effect” ในช่วงเดือนมกราคม ด้วย


ข่าวที่เกี่ยวข้อง