พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีปรากฏคลิปนายตำรวจยศพันตำรวจเอก ขึ้นพูดบนเวทีของบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด โดยมีลักษณะพูดชักชวนการร่วมลงทุน พร้อมวิพากษ์วิจารณ์ สวัสดิการของข้าราชการตำรวจที่ไม่ดีทำให้ต้องเลือกทำธุรกิจ ดิ ไอคอน กรุ๊ป โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ บอกว่า เมื่อช่วงเช้าตนเองได้สั่งการ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้แยกเรื่องดังกล่าวเป็น 2 ประเด็น
ประเด็นแรก ให้เรียกนายตำรวจที่ออกมาทำลักษณะเป็นโค้ชพูดชักชวน มาสอบปากคำภายในวันนี้ โดยให้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเป็นผู้พิจารณาว่า มีพฤติกรรม และรายละเอียดเป็นอย่างไร
พร้อมย้ำว่า ตนเองได้ให้หลักการว่า จะไม่มีการช่วยเหลือในฐานะตำรวจ หากพบพฤติกรรมใดที่เข้าข่ายลักษณะความผิดทั้งการฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
ประเด็นที่ 2 ให้ตรวจสอบการแต่งเครื่องแบบตำรวจไปทำพฤติการณ์เช่นนั้น ว่าสามารถทำได้หรือไม่ และใช้เวลาราชการไปทำหรือไม่ โดยส่วนนี้ได้สั่งจเรตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบความผิดทางวินัย โดยต้องจัดทำเป็นลายลักษณ์อักษร กลับมารายงานตนเอง ภายในระยะเวลา 2 วัน นับตั้งแต่วันนี้
ส่วนการที่พันตำรวจเอกคนดังกล่าว ได้วิพากษ์วิจารณ์เรื่องเงินเดือน ค่าตอบแทนของตำรวจนั้น ถือเป็นความคิดเห็นส่วนตัว แต่สิ่งสำคัญคือการที่เป็นข้าราชการตำรวจ ต้องรู้ว่าสิ่งใดควรแสดงออกหรือไม่
ทั้งนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ มองว่า ความเห็นบางจากผู้ใต้บังคับบัญชาบางครั้งเป็นสิ่งที่ดี ตนจะได้รู้ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ควรจะปรับปรุงพัฒนาการทำงานตำรวจในรูปแบบอย่างไร แต่การสวมใส่เครื่องแบบไปทำเช่นนั้นจะถูกต้องหรือไม่ ต้องตรวจสอบอย่างจริงจัง ซึ่งส่วนตัวสนับสนุนตำรวจที่ทำมาหากินโดยสุจริต แต่ต้องไม่เบียดเบียนเวลาราชการ และต้องไม่หลอกลวงคนอื่น
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ยังยอมรับว่า พันตำรวจเอกดังกล่าวมีลักษณะพูดโน้มน้าวชักชวนจริง ถ้าพิสูจน์ได้ว่า เข้าข่ายหลอกลวงให้ประชาชนร่วมทำสิ่งใด และทำให้เสียทรัพย์สิน แน่นอนว่า จะต้องถูกดำเนินคดีทั้งทางวินัยและทางอาญา
พร้อมยืนยันว่าดีเอสไอ ไม่มีความพยายามจะแย่งคดีอะไร กับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประสานงานกันอยู่ตลอด ต่างคนต่างทำหน้าที่ และไม่มีรายงานว่า มีใครพยายามจะนำคดีออกไป จากการทำงานของตำรวจ ส่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษโดยเฉพาะ
ส่วนกรณีที่ทนายความของผู้ต้องหา จะมีการแจ้งความกลับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำการตรวจค้น 11 จุดเป้าหมายว่า เป็นการทำเกินกว่าเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ บอกว่า ผู้ต้องหาหรือทนายความสามารถทำได้ตามสิทธิ์ แต่ยืนยันว่า ตำรวจปฏิบัติหน้าที่เป็นไปอย่างถูกต้องและครอบคลุมที่สุดแล้ว