คัดลอก URL แล้ว
“กฤษอนงค์” ยัน ไม่เคยตบทรัพย์ “บอสพอล” 10 ล้าน

“กฤษอนงค์” ยัน ไม่เคยตบทรัพย์ “บอสพอล” 10 ล้าน

น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ ประธานอำนวยการศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่าย-ออนไลน์ ได้ออกมาชี้แจง หลังถูกแฉว่าเป็นนักร้องเรียนสาว ตบทรัพย์ “ดิไอคอน” 10 ล้าน และเรียกรับเงินผู้เสียหาย โดยหักเงิน 20% เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้อื่นต่อ น.ส.กฤษอนงค์ ยืนยันว่า ตนไม่ได้ตบทรัพย์ใครแน่นอน โดยย้อนไปเมื่อ 3-4 เดือนก่อนที่ดิไอคอนฯ จะเป็นคดีความ ตอนนั้นมีผู้เสียหายประมาณ 89 คน ติดต่อมาว่าให้ช่วยเรียกร้องค่าเสียหายจากดิไอคอน จึงเป็นตัวกลางไปคุยกับบอสพอล โดยมีค่าเสียหายรวม 15 ล้านบาท แต่บอสพอลเจรจาขอจ่ายครึ่งหนึ่ง คือ 8 ล้านบาท

ส่วนเรื่องประเด็นที่ว่าให้โอนเงินเข้ามาในมูลนิธินั้น น.ส.กฤษอนงค์ อธิบายว่า เรื่องเปอร์เซ็นต์พูดคุยกันวันแรก ยกตัวอย่างว่า “ตนมีคดี 2 แบบ” คือคดีธุรกิจกับคดีช่วย ถ้าเป็นคดีธุรกิจจะมีค่าทนายความที่ต้องทำเอกสารให้ ประมาณ 20-40%เพราะเราเป็นสำนักงานกฎหมาย แต่ถ้าเป็นคดีช่วย เราไม่มีตัวเลขอยู่แล้ว เราเปิดกองทุนขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือเหยื่อ

ส่วนที่มีคนโอนเข้ามา 20 คน จาก 89 คน นั้น น.ส.กฤษอนงค์ เผยว่า ไม่ใช่โอนมา 20% ทุกคน แต่เป็นข้อตกลงที่เขาคุยกันในกลุ่มผู้เสียหาย ตอนที่คุณยังไม่ได้เงินคืน คุณมามือเปล่าตนดูแลผู้เสียหายมาเป็นเดือน ให้กินข้าว 3 มื้อ จ้างเจ้าหน้าที่มาดูแล เพราะนโยบายหลักของตนคือ “การช่วยเหลือ” ซึ่งตนก็ไม่เคยรู้เรื่องตัวเลขเลย เพราะผู้เสียหายโอนเข้ากองทุนมา ส่วนเงินค่าเสียหายที่ดิไอคอนนำมาจ่ายให้ผู้เสียหายจะเป็นเงินสด มาจ่ายกันที่ออฟฟิศ โดยมีบอสสวย บอสปัน บอสวิน จ่ายตรงให้กับผู้เสียหายเอง

ส่วนประเด็นที่ “ทนายบอสพอล” ออกมาพูดว่าถูกเรียกเงิน 10 ล้านบาท น.ส.กฤษอนงค์ กล่าวว่า 10 ล้านไม่ใช่ข้อเท็จจริง แต่เป็นเงินที่ทางผู้เสียหายได้รับไป แล้วทางบริษัทสรุปยอดมาให้ตน ซึ่งจะมีผู้เสียหาย 2 ชุด ชุดแรกมียอด 15.9 ล้านบาท ชุดที่ 2 จำนวน 5 ล้านบาท เราเสนอดิไอคอนไป แต่สุดท้ายดิไอคอนจ่ายมา 8.3 ล้าน

และสิ่งที่ทำให้ น.ส.กฤษอนงค์ อึ้งหนักครั้งนี้ คือ เพิ่งทราบว่า “บอสพอล” ซ่อนเครื่องดักฟังที่เป็นเครื่องอัดเสียงเอาไว้ที่ “แฮร์พีช และ เป้ากางเกงใน” โดยคลิปเสียงมีความยาว 7 ชั่วโมง เป็นคลิปเสียงซึ่งพูดคุนกัน 3 คน คือ น.ส.กฤษอนงค์ ทนาย และ บอสพอล เกี่ยวกับเรื่องของคดีความที่เกิดขึ้น โดยมีการพูดคุยถึงเรื่องการคืนเงินผู้เสียหายไม่เต็มจำนวน จนเกิดมีปากเสียงกัน


ข่าวที่เกี่ยวข้อง