คัดลอก URL แล้ว
“สัตวแพทย์” เปิดมุมมอง ทำไมถึงมีแค่ปางเดียวที่ย้ายช้างไม่ทัน จนเกิดการสูญเสีย

“สัตวแพทย์” เปิดมุมมอง ทำไมถึงมีแค่ปางเดียวที่ย้ายช้างไม่ทัน จนเกิดการสูญเสีย

จากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ส่งผลกระทบรุนแรงต่อปางช้างในพื้นที่หลายแห่ง แต่มีอยู่หนึ่งปาง ที่เคลื่อนย้ายอพยพช้างไม่ทัน จนมีช้างจมน้ำล้มไปแล้ว 2 เชือก ล่าสุด สพ.ญ.นฤพร กิตติศิริกุล หรือ “หมอมามี” สัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านช้าง ได้โพสต์ถึงสถานการณ์นี้ในเฟซบุ๊ก Mamee Kittisirikul ผ่านมุมมองของตนถึงการเคลื่อนย้ายไม่ทัน จนเกิดปัญหาสุดเศร้าตามมา พร้อมระบุข้อความว่า

“เกริ่นก่อนว่าปางช้างในส่วนแม่แตงมีกว่า 20 ปางที่อยู่บนถนนเส้นเดียวกัน พื้นที่เดียวกัน และได้รับผลกระทบกันทั้งหมด มีตั้งแต่ปางที่มีช้างหลัก 2-3 เชือกไปจนถึง 100 เชือก คละกันไป แต่ปางที่ได้รับความสนใจทั้งการช่วยเหลือด้านการเงินอย่างมากล้น และความช่วยเหลือจากสื่อหลักกลับเป็นแค่ปางเดียว…

มีการแจ้งเตือนเรื่องน้ำล่วงหน้าแล้ว ทำให้แต่ละปางมีการเตรียมการตั้งรับ ย้ายช้างขึ้นที่สูง ทำให้ไม่เกิดอันตราย ซึ่งข้อนี้ต้องยกให้พี่ควาญช้างและเจ้าของที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับช้าง ฝึกให้ช้างเข้าใจการจับบังคับ(เปรียบเทียบคล้ายกับฝึกให้น้องหมาเข้าใจการใช้สายจูง คำสั่งลุกนั่งนอน) สามารถขี่-จูงช้างไปได้อย่างปลอดภัยทั้งคนทั้งช้าง + เมื่อสามารถสื่อสารได้เข้าใจก็สามารถพาไปไหนก็ได้อย่างอิสระ ร่วมกับการใช้โซ่ลามไว้ในบริเวณที่ปลอดภัย ซึ่งสามารถปรับความยาวสั้นของโซ่ได้ ไม่ต้องพึ่งกรงหรือคอก

เมื่อเกิดวิกฤตชาวช้างทุกคนช่วยเหลือกันดีมากๆ ทั้งพี่ควาญช้าง พี่เจ้าของช้าง หมอช้าง รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องอยากจะช่วยช้างทุกเชือกให้ออกมาอย่างปลอดภัย แต่ต้องบอกว่าการเข้าช่วยเหลือช้างแต่ละตัวที่ประสบภัยอยู่มีข้อจำกัดด้านความปลอดภัยทั้งต่อคนที่เข้าไปช่วย และช้างที่รอความช่วยเหลือ ยกตัวอย่างข้อจำกัด…

แต่ถึงอย่างนั้นพี่ๆควาญช้างที่มีความชำนาญในการควบคุมช้างก็ระดมคนกันเข้าไปช่วยช้างเหล่านั้นที่ติดอยู่ในคอก (เพราะเกินกำลังที่คนในปางเองจะสามารถช่วยกันพาออกมาได้ ด้วยข้อจำกัดข้างต้น…) และการเข้าหาช้างในจุดที่น้ำท่วมสูง หากเกิดอันตรายตัวคนที่ช่วยเองถ้าหลบไม่ทันก็มีโอกาสบาดเจ็บหนักจากช้าง ยังไม่รวมกับการต้องฝ่าน้ำที่สูงและเชี่ยวเข้าไป

แม้ว่าปัญหาอุทกภัยจะไม่ได้มีต้นเหตุมาจากวิถีการเลี้ยงช้าง แต่ก็ต้องยอมรับว่า วิถีการเลี้ยงช้างดั้งเดิมของคนไทยทำให้เกิด bonding ระหว่างคนและช้าง จนสามารถอพยพช้างส่วนใหญ่ให้พ้นภัยได้เกือบทั้งหมด แต่กลับกันการเลี้ยงช้างอีกวิถีทำให้เกิดข้อจำกัดมากมายขึ้น

ซึ่งถ้าวิถีการเลี้ยงช้างไม่สุดโต่งมากขนาดนี้ คนที่มีแนวคิดนี้ ไม่ไปว่าการเลี้ยงช้างดั้งเดิมจนเสียๆหายๆ ลามไปถึงต่างประเทศแอนตี้การเลี้ยงช้างดั้งเดิม จนเลือกแบนและไม่เที่ยว มันก็น่าจะเป็นภาพที่ทุกคนร่วมด้วยช่วยกันฝ่าวิกฤตนี้ไปด้วยกันได้อย่างดี

การออกมาพูดในเรื่องนี้อยากให้ทุกคนที่เสพข่าวได้มองหลายๆด้าน ถึงปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้น หรือให้เกิดการพูดคุยกันก็ดีกว่ารอจนทุกอย่างคลี่คลายแล้วทุกคนก็แยกย้าย…จบ

ทุกๆ คนก็รักช้างกันทั้งนั้น ถ้าเราช่วยกันตั้งแต่ยามสงบสุขก็อาจจะไม่มาถึงยามทุกข์แบบนี้ก็ได้…
ส่งกำลังใจต่อเนื่องให้ทีมหน้างานทุกท่านนะคะ ❤️


ข่าวที่เกี่ยวข้อง