คัดลอก URL แล้ว
เชื่อมจิตรับ 6 ข้อหา ทนายปะทะเดือดกองทัพธรรม

เชื่อมจิตรับ 6 ข้อหา ทนายปะทะเดือดกองทัพธรรม

วันที่ 20 กันยายน 2567 ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นายพิชญะ ศูนยะคณิต และนางสาวนัฐพร วงศ์ทวิชาติ บิดามารดาของเด็กชายไนซ์ อายุ 8 ปี พร้อมด้วยนายธรรมราช สาระปัญญา ทนายความของกลุ่มเชื่อมจิต และบุคคลที่เกี่ยวข้องรวม 8 คน ได้เข้าพบคณะพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก ในคดีที่นายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม ได้แจ้งความดำเนินคดีไว้

ข้อกล่าวหาประกอบด้วยความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พระราชบัญญัติควบคุมการเรี่ยไร พระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน และประมวลกฎหมายรัษฎากร

ภายหลังการสอบปากคำ นายธรรมราชได้ชี้แจงต่อสื่อมวลชนว่า มติของมหาเถรสมาคมที่แท้จริงมีเพียง 3 ข้อ ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าคำสอนของกลุ่มเชื่อมจิตไม่มีอยู่ในพระไตรปิฎก ทั้งนี้ ทางกลุ่มได้หยุดดำเนินการแล้ว แต่ฝ่ายตรงข้ามยังไม่หยุดดำเนินการทางกฎหมาย

นอกจากนี้ นายธรรมราชยังตั้งข้อสังเกตถึงกรณีภรรยาของรองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่เคยถูกดำเนินคดีในข้อหาเงินทอนวัดเมื่อปี พ.ศ. 2563 แต่สามียังคงดำรงตำแหน่งอยู่

ด้านนางสาวนัฐพร มารดาของเด็กชายไนซ์ ได้ชี้แจงว่าการที่บุตรชายไปทำบุญถวายสังฆทานเป็นเรื่องปกติ และปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการเตรียมจัดทำวัตถุมงคล โดยระบุว่าเป็นเพียงเครื่องประดับที่บุตรชายทำในเวลาว่างเท่านั้น

ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ของทนายธรรมราช นายอนันต์ชัย พร้อมด้วยนายแทนคุณ และนายต้นอ้อเป็นหนึ่ง จากทีมทนายกองทัพธรรม ได้มาร่วมสังเกตการณ์ และเกิดการโต้เถียงกันเล็กน้อย โดยนายประยุทธ ประเทศเสนา หรือมหาหมี รองประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม กล่าวว่าทนายธรรมราชอาจเข้าใจคลาดเคลื่อนหรืออ่านกฎหมายไม่เข้าใจ

นายอนันต์ชัยได้แจ้งว่า ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ได้รับเรื่องร้องเรียนและแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 8 คนแล้ว โดยเป็นข้อหาเกี่ยวกับพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก และฉ้อโกง

ทั้งนี้ นายอนันต์ชัยยังแจ้งว่าจะเดินทางไปยื่นหนังสือร้องเรียนที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติในวันที่ 24 กันยายน เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณีพระอาจารย์ชาตรี ที่อ้างว่าสอนวิปัสสนากรรมฐานให้แก่ชาวรัสเซียและประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน รวมถึงจะยื่นหนังสือต่อสถานทูตรัสเซียให้ตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย


ข่าวที่เกี่ยวข้อง