วันที่ 19 กันยายน 2567 นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ แถลงข่าวภายหลังการประชุมใหญ่สมาคมศาลรัฐธรรมนูญและสถาบันเทียบเท่าแห่งเอเชีย หรือ AACC ครั้งที่ 6 ซึ่งได้มีการร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจว่า ด้วยความร่วมมือ ระหว่างสมาคมศาลรัฐธรรมนูญและสถาบันเทียบเท่าแห่งเอเชีย (AACC) และ การประชุมศาลรัฐธรรมนูญภูมิภาคไอเบอโร-อเมริกา ที่ประธานศาลรัฐธรรมนูญได้ระบุว่า สเปน เป็นประเทศแรกที่รับเรื่องฟ้องตรงจากประชาชน และรับเรื่องร้องเรียนเป็นจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวจึงได้สอบถามว่า จะนำเรื่องนี้มาเป็นตัวอย่างหรือปรับใช้กับประเทศไทยหรือไม่ โดยนายนครินทร์ กล่าวว่า เรื่องนี้มีระบุในเอกสารวิชาการ ซึ่งการฟ้องโดยตรงจากประชาชน ทางศาลรัฐธรรมนูญไทย เคยมีการรับฟ้องร้องแล้ว แต่ยังมีช่องทาง และเงื่อนไขที่จำกัด จึบมองว่า ยังต้องเรียนรู้จากสเปน และกลุ่มประเทศลาตินอเมริกา ซึ่งตนเชื่อว่า ตุลาการ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะต้องมีการประชุมแลกเปลี่ยนความเห็นเป็นลำดับต่อไป
ส่วนศาลรัฐธรรมนูญในต่างประเทศ มีองค์กรที่คอยตรวจสอบสอบศาลหรือไม่ นายนครินทร์ กล่าวว่า ทั้งฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ คานอำนาจกันทั้ง 3 ฝ่าย ศาลรัฐธรรมนูญก็จะถูกคานอำนาจด้วยฝ่ายริหาร และฝ่ายนิติบัญญัติในรัฐสภา รวมถึง ประชาชน และสื่อมวลชน
ส่วนกรณีที่จะมีการเสนอแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญรายมาตราเกี่ยวกับประเด็นจริยธรรม และความซื่อสัตย์สุจริตของรัฐมนตรี นายนครินทร์ กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นศาล คงไม่สามารถให้ความเห็นเรื่องนี้ได้ เพราะเรื่องนี้มาจากฝ่ายการเมือง หรือรัฐสภา แต่ขอให้ดำเนินการอย่างถูกต้อง และเรียบร้อย
ส่วนที่พรรคการเมือง จะให้มีการทบทวนบทบาทอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ นายนครินทร์ กล่าวว่า เราทบทวนอยู่แล้วเป็นระยะๆ มีการประชุมวิชาการภายใน และระหว่างประเทศ ซึ่งการทำงานของศาลรัฐธรรมนูญก็ยังต้องอธิบายให้สมาชิก AACC และคณะกรรมาธิการเวนิส ย้ำว่า ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ปรากฏการณ์ของประเทศไทยอย่างเดียว มีศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรเทียบเท่าที่ทำหน้าที่แทน ที่อาจจะใช้ชื่อว่า ศาลฎีกา ที่มี 150 กว่าประเทศ
เมื่อถามย้ำว่า กรณีที่ขอให้มีการทบอวนอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ อย่างเรื่อง การยุบพรรค นายนครินทร์ กล่าวว่า ต้องบอกว่า เราทำหน้าที่ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ หากกฏหมายรัฐธรรมนูญเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ก็ต้องทำหน้าที่ตามนั้น เราไม่สามารถทำหน้าที่ที่กฏหมายไม่ได้บัญญัติไว้ได้
นายนครินทร์ ยืนยันว่า ในที่ประชุมไม่ได้มีการพูดถึงการพิจารณาคดีการเมืองของแต่ละประเทศและการพิจารณาคดีที่ละเอียดอ่อน เพราะทุกประเทศให้เกียรติซึ่งกันและกัน เราพูดคุยกันเป็นการทั่วไปเท่านั้น เราคุยเรื่องประเทศของเรา เขาก็คุยเรื่องประเทศของเขา เป็นการแชร์ประสบการณ์ร่วมกันมากกว่า
