ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจล่าสุดที่ชี้ให้เห็นว่าหนี้ครัวเรือนไทยในปี 2567 พุ่งสูงสุดในรอบ 15 ปี โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 606,378.38 บาทต่อครัวเรือน เพิ่มขึ้น 46,969.68 บาทจากปีก่อนหน้า
รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์ฯ เผยว่าสถานการณ์หนี้ครัวเรือนไทยในปีนี้น่าเป็นห่วง โดยพบว่าหนี้นอกระบบเพิ่มขึ้นถึง 10.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่หนี้ในระบบลดลง 10.3% สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงทางการเงินที่เพิ่มขึ้นของครัวเรือนไทย
สาเหตุหลักของการเป็นหนี้เพิ่มขึ้นมาจากรายได้ไม่พอกับรายจ่าย เหตุฉุกเฉินที่ต้องใช้เงิน ค่าครองชีพที่สูงขึ้น และภาระทางการเงินในครอบครัวที่เพิ่มขึ้น โดยประเภทหนี้สินที่พบมากที่สุดคือ บัตรเครดิต ยานพาหนะ และสินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อการอุปโภคบริโภค
ในขณะเดียวกัน รัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร กำลังเร่งผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่ง รศ.ดร.ธนวรรธน์ คาดการณ์ว่าหากสามารถดำเนินการได้ภายในสิ้นปีนี้ จะช่วยเพิ่ม GDP ได้ 0.2-0.4%
นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มที่รัฐบาลจะผลักดันการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 400 บาทต่อวันทั่วประเทศ โดยคาดว่าจะเริ่มในบางพื้นที่และกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ก่อน พร้อมมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการ เช่น การลดหย่อนภาษีและลดการส่งเงินประกันสังคม
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเสนอแนะให้รัฐบาลศึกษาสาเหตุของหนี้ครัวเรือนอย่างละเอียด และพิจารณาประสิทธิภาพของมาตรการแก้ไขหนี้ที่ผ่านมา พร้อมทั้งเสนอให้จัดตั้งคลินิกแก้หนี้เพื่อช่วยเหลือประชาชนอย่างตรงจุด
ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจที่ท้าทาย การแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนและการกระตุ้นเศรษฐกิจจึงเป็นภารกิจสำคัญของรัฐบาลชุดใหม่ที่ต้องเร่งดำเนินการเพื่อฟื้นฟูความเป็นอยู่ของประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศ
