เมื่อวันที่ 8 ก.ค.2567 ที่กองกำลังผาเมือง จ.เชียงใหม่ กองบัญชาการกองทัพไทย โดย กรมกิจการพลเรือนทหาร นำคณะสื่อมวลชนจากส่วนกลาง เดินทางร่วมโครงการประชาสัมพันธ์สนับสนุนการจัดระเบียบชายแดน ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 8-10 กรกฎาคม 2567 โดยมี พลตรี วิทัย ลายถมยา ผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์ กรมกิจการพลเรือนทหาร เป็นหัวคณะ
พ.อ.มีชัย นิลศาสตร์ รอง ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง กล่าวถึง สถานการณ์ยาเสพติด ในพื้นที่กองกำลังผาเมือง จ.เชียงใหม่ เชียงราย พบว่า ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา สามารถจับกุม และมีจำนวน 151 ล้านเม็ด มูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท ยอมรับว่ามีมีสถิติความรุนแรงสูงกว่าปีก่อน โดยมีปัจจัย มาจากการสู้รบจากประเทศเพื่อนบ้าน ที่ยังไม่สามารถควบคุมชนกลุ่มน้อย จึงมีการเคลื่อนไหวและผลิตยาเสพติดอย่างอิสระ อีกทั้ง ชนกลุ่มน้อยต้องการสร้างฐานอำนาจ นำรายได้ มาสนับสนุนการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของกลุ่มตัวเอง อีกทั้งสารตั้งต้นในการผลิตไม่ขาดแคลน ซึ่งการผลิตมาจากรัฐฉานมีชายแดนติดต่อกับจีย สามารถผลิตยาบ้าด้วยเครื่องตอกได้ชั่วโมงละ 100,000 เม็ด นอกจากนี้การปราบปรามกลุ่มทุนจีนสีเทา ก็นับเป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ที่ส่งผลให้กลุ่มขบวนการ กลับมาผลิตยาเสพติดเหมือนเดิม
สำหรับการค้าอาวุธเถื่อน ที่เป็นข้อสังเกตของ นายรังสิมันต์ โรม ประธานกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯนั้น กองกำลังผาเมือง ไม่ทราบต้นทางว่ามาจากที่ใด แต่ได้กำชับให้เข้มงวดตามนโยบายที่ได้รับมอบหมายมาในเรื่องการสกัดกั้น และยืนยันว่าอาวุธภายในไทยไม่มีการเล็ดลอดไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่ากลุ่มกระบวนการได้นำเทคโนโลยี เช่น โดรน มาสอดส่องการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่นั้น เนื่องจากสภาพ ภูมิประเทศเป็นป่าเขา ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการสอดส่องการทำงานของเจ้าหน้าที่และยากในการตรวจจับ อย่างไรก็ตามยอมรับว่ากองกำลังผาเมืองได้รับการสนับสนุน อุปกรณ์จากกองทัพบกในการใช้เป็นเครื่องมือในการสกัดกั้นการทำผิดกฎหมาย เช่น ระบบเซ็นเซอร์ระบบเข้าตรวจ ถือเป็นความเร่งด่วนแรก
พ.อ.มีชัย ยังกล่าวถึงนโยบายของนายสุทินคลังแสง รมว.กลาโหม กรณีให้กองทัพสกัดกั้นยาเสพติดชายแดนจนถึงรายย่อยในระดับหมู่บ้านว่า มีอำเภอเป้าหมาย 11 อำเภอ เชียงใหม่ 5 อำเภอ จ.เชียงราย 6 อำเภอ ส่วนจังหวัดน่าน ให้นำร่องปลอดยาเสพติด ยืนยันว่ากองกำลังผาเมืองมีความเข้มงวดในการสกัดกั้นอยู่แล้ว