เมื่อวันที่ 3 ก.ค..นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า วันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา ตนมีโอกาสลงพื้นที่ตรวจราชการบ้านมั่นคงชนบท สหกรณ์การเกษตรในเขตปฏิรูปที่ดินปากช่อง โดยมี ดร.รวีวรรณ ภูริเดช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.)คณะผู้บริหารกระทรวง พม. ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หัวหน้าส่วนราชการ นายนิรันดร์ สมพงษ์ ประธานสหกรณ์การเกษตรในเขตปฏิรูปที่ดินปากช่อง จำกัด ผู้แทนขบวนองค์กรชุมชนจังหวัดนครราชสีมา นายกฤษดา สมประสงค์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.)ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ พอช. เข้าร่วมงาน
“ผมได้ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจสมาชิกโครงการบ้านมั่นคงชนบท และติดตามผลการดำเนินงาน สหกรณ์การเกษตรในเขตปฏิรูปที่ดินปากช่อง ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตสมาชิกตามนโยบาย 5X5 ฝ่าวิกฤติประชากร พร้อมมอบเกียรติบัตรให้แก่สมาชิกที่เข้าร่วมโครงการแก้ไขหนี้สินครัวเรือน จำนวน 25 ราย ภายใต้กิจกรรมรวมทุน รวมใจแก้หนี้ เยี่ยมชมกิจกรรมรดน้ำด้วยระบบเทคโนโลยี SMART FARM IOT เก็บเกี่ยวพืชผลทางการเกษตร ผักออร์แกนิคภายใต้กิจกรรมระบบน้ำเชื่อมใจ ร่วมปลูกต้นรวงผึ้ง และพยุงในป่าชุมชนบนพื้นที่ 200 ไร่ รวมทั้งเปิดบ้านโฮมสเตย์ภายใต้กิจกรรมท่องเที่ยวเชิงเกษตร/โฮมสเตย์ชุมชน”รมว.พม.ระบุ
นายวราวุธ รมว.พม กล่าวว่า ตนขอแสดงความยินดีในความสำเร็จของพี่น้องประชาชน ตลอดจนผู้แทนหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในด้านที่อยู่อาศัยในพื้นที่เขตปฏิรูปที่ดิน ซึ่งถือได้ว่าเป็นพื้นที่พิเศษพื้นที่หนึ่ง ซึ่งการดำเนินงานภายใต้โครงการบ้านมั่นคงชนบทที่มีการพัฒนาในพื้นที่เขตปฏิรูปที่ดินในรูปแบบ “แปลงรวม” เพื่อร่วมพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ดินทำกิน ส่งเสริมการพัฒนาด้านอาชีพ เชื่อมโยง ฟื้นฟูระบบนิเวศ และการพัฒนาคุณภาพชีวิตทุกมิติที่มีความเหมาะสมกับการสร้างถิ่นฐานของชุมชน โดยใช้แนวทางการขับเคลื่อนงานที่มีขบวนองค์กรชุมชนเป็นแกนหลัก การประสานและบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาคีพัฒนาที่เกี่ยวข้องถึง 16 หน่วยงาน เพื่อสร้างถิ่นฐานชุมชนที่มั่นคงแห่งนี้
สำหรับในพื้นที่ คทช. ที่ทาง พอช.ได้มีการดำเนินการโครงการบ้านมั่นคงชนบทตั้งแต่ปี 2560 จนถึงปัจจุบัน สามารถดำเนินการได้ จำนวน 194 โครงการ มีผู้รับประโยชน์จากโครงการดังกล่าว จำนวน 24,794 ครัวเรือน วงเงินที่สนับสนุนจาก พอช. ไปแล้วทั้งสิ้น 526 ล้านบาท โดยเป็นที่ดิน ป่าชายเลนและกรมเจ้าท่า 56 โครงการ พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 45 โครงการและพื้นที่ และ สปก. 39 โครงการ.
