นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เปิดเผยว่า ตามที่นายชาญ พวงเพ็ชร์ ผู้ชนะการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปทุมธานี ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด กรณีทุจริตจัดซื้อถุงยังชีพขณะดำรงตำแหน่งนายก อบจ.ปทุมธานี ในปี พ.ศ. 2555 และขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 นั้น
นายปกรณ์กล่าวว่า ตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกา หากผู้ดำรงตำแหน่งถูก ป.ป.ช. สั่งชี้มูลความผิด จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนั้นทันที แม้จะพ้นจากตำแหน่งไประหว่างถูกดำเนินคดี และกลับมาได้รับเลือกตั้งใหม่ ก็ยังคงต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ต่อไป เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น และไม่ให้เกิดความสับสนกับกรณีความผิดที่เกิดขึ้นก่อนหน้า ถือเป็นหลักกฎหมายปกติ
สำหรับกรณีของนายชาญนั้น ไม่จำเป็นต้องขอให้ศาลมีคำสั่ง เพราะเป็นผลของกฎหมายที่ชัดเจนอยู่แล้ว โดยคาดว่าผู้ที่จะมาปฏิบัติหน้าที่แทนคือปลัดจังหวัด และหน่วยงานที่จะออกคำสั่งอย่างเป็นทางการคือกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย
ทั้งนี้ ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาดังกล่าว ขัดแย้งกับความเห็นของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่เห็นว่านายชาญไม่น่าจะมีปัญหา เนื่องจากขณะที่ถูก ป.ป.ช. ชี้มูล ยังไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ และการหยุดปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติตามความเห็นของกฤษฎีกา แต่ต้องรอให้ศาลเป็นผู้สั่ง เพราะเป็นกรณีใหม่ และตอนสมัครรับเลือกตั้งนายชาญก็มีคุณสมบัติครบถ้วน จึงควรปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป