วันที่ 2 กรกฎาคม 2567 นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษา ซึ่งเป็นไปตามนโยบาย Thailand Zero Dropout ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา
Thailand Zero Dropout: ความหวังของเด็กไทย
โครงการ Thailand Zero Dropout เป็นวาระแห่งชาติที่รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อนำเด็กและเยาวชนที่หลุดจากระบบการศึกษากลับเข้าสู่ห้องเรียนอีกครั้ง โครงการนี้ประกอบด้วย 4 มาตรการหลัก ได้แก่
มาตรการค้นหา: บูรณาการข้อมูลจากหน่วยงานต่างๆ เพื่อระบุตัวเด็กและเยาวชนนอกระบบให้ครอบคลุมมากที่สุด
มาตรการช่วยเหลือ: ติดตาม ให้ความช่วยเหลือ และส่งต่อเด็กแต่ละรายไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมทั้งด้านการศึกษา สุขภาพ และสภาพความเป็นอยู่
มาตรการจัดการศึกษาแบบยืดหยุ่น: สร้างโอกาสทางการศึกษาที่หลากหลายและเหมาะสมกับความต้องการและศักยภาพของเด็กแต่ละคน
มาตรการส่งเสริมภาคเอกชน: กระตุ้นให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาในรูปแบบ Learn to Earn
แอปพลิเคชัน “Thai Zero Dropout”: เครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนโครงการ
แอปพลิเคชัน “Thai Zero Dropout” จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนโครงการนี้ โดยจะช่วยในการสำรวจ ค้นหา วางแผน ช่วยเหลือ และติดตามความคืบหน้าของเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาในทุกจังหวัดทั่วประเทศ
ความห่วงใยจากนายกรัฐมนตรี
นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ได้แสดงความห่วงใยอย่างยิ่งต่ออนาคตของเยาวชนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเด็กและเยาวชนที่อยู่นอกระบบการศึกษา ซึ่งมีจำนวนกว่า 1.02 ล้านคน ท่านนายกฯ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจังและยั่งยืน
ความท้าทายและโอกาส
แม้ว่าโครงการ Thailand Zero Dropout จะเป็นความหวังในการแก้ปัญหาเด็กนอกระบบ แต่ก็ยังมีความท้าทายหลายประการ เช่น การเข้าถึงเด็กในพื้นที่ห่างไกล การขาดแคลนทรัพยากร และทัศนคติของผู้ปกครองและสังคม อย่างไรก็ตาม หากทุกภาคส่วนร่วมมือกันอย่างจริงจัง โครงการนี้ก็มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จและสร้างอนาคตที่ดีให้กับเด็กและเยาวชนไทยทุกคน
โครงการ Thailand Zero Dropout เป็นความพยายามครั้งสำคัญของรัฐบาลไทยในการแก้ปัญหาเด็กนอกระบบ ซึ่งเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่ออนาคตของประเทศชาติ หากโครงการนี้ประสบความสำเร็จ ก็จะช่วยสร้างทุนมนุษย์ที่มีคุณภาพและเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต
