วันที่ 1 กรกฏาคม 2567 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมพนักงานสอบสวนคดีเรือน้ำมันเถื่อน หลังประชุมนาน 2 ชม. เปิดเผยว่า วันนี้มติที่ประชุมได้ตั้งวินัยร้ายแรงตำรวจ 3 นาย และตำรวจน้ำจะมีการแจ้งความดำเนินคดีตำรวจ 2 ใน 3 มาตรา 157 เหตุบกพร่องในหน้าที่ไม่เข้าเวรยามเฝ้าเรือ
เบื้องต้นกองปราบฯ ได้นำโทรศัพท์ 9 เครื่องจากตำรวจ ตั้งแต่ยศ ผกก. , สารวัตร , ตำรวจเวรยามทั้งก่อนและหลัง มาตรวจสอบทุกมิติว่าการที่เรือหายไปนั้น มีการเกี่ยวโยงกับการรู้เห็นการกระทำความผิด หรือมีการช่วยเหลือกันหรือไม่ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวถือเป็นการให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนจะผิดหรือไม่ผิดก็ต้องไปว่ากันในชั้นศาล หากถามว่าเห็นใจเจ้าหน้าที่ตำรวจไหม ตนก็เห็นใจ แต่การทำงานที่สั่งให้ไปดูแลของกลาง แต่ละเลย หากเพิกเฉยไม่ดำเนินคดี จะทำให้ภาพรวมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียหาย
การตรวจสอบโทรศัพท์ตรวจไปได้กว่า 90% ยังไม่พบความผิดปกติ ส่วนจะพบเกี่ยวข้องเรื่องส่วยหรือไม่ ขณะนี้ยังไม่ทราบ เพราะโทรศัพท์ของ ผกก. ยังไม่สามารถดึงข้อมูลได้ เนื่องจากไฟล์ใหญ่ กำลังให้เจ้าหน้าที่ดึงข้อมูลอยู่
ส่วนการออกหมายจับเรื่องเรือหายมีความคืบหน้า อย่างไรนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เผยว่าการสืบสวนทั้งน้ำมันเถื่อนนั้น จะเกี่ยวข้องกับเรื่องเรือหายด้วย ซึ่งรายงานการสืบสวน ข้อมูลพยานหลักฐานทั้งหมดเรื่องน้ำมันเถื่อนในสัปดาห์นี้จะส่งให้พนักงานอัยการดำเนินการขออนุมัติศาลออกหมายจับ ในส่วนของเรือหาย สัปดาห์นี้กองปราบฯ จะดำเนินการขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้กระทำผิดทั้งหมดเกี่ยวข้องกัน รวม 4-5 คน มีตัวใหญ่คือเสี่ยโจ้