วันที่ 4 มิถุนายน 2567 นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งแรกหลังรับตำแหน่ง ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เดินทางไปดูห้องทำงานที่ตึกสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี หรือ สลค. โดยทันทีที่นายวิษณุ เดินทางมาถึงได้เปรยกับผู้สื่อข่าวว่า “เหมือนกลับบ้าน” พร้อมกับระบุว่า ตนเคยเข้าออกทำงานที่นี่มา 30 กว่าปีแล้ว ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ ตื่นเต้นหรือโลดโผน ซึ่งเข้ามาทำหน้าที่ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และให้คำปรึกษาตามที่ได้รับมอบหมาย และอนุญาตให้เข้าประชุมครม.ได้ และมีประเด็นบางอย่างที่นายกรัฐมนตรีสั่งและเป็นที่ถกเถียงระหว่างหน่วยงานต่างๆ และทำหน้าที่เช่นเดียวกับที่นายพิชิต ชื่นบาน อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เคยทำก่อนเข้ารับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรี
เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ตรวจคำชี้แจงต่อรัฐธรรมนูญ กรณี 40 สว.ยื่นคำร้องตรวจสอบหลังแต่งตั้งนายพิชิต เป็นรัฐมนตรีแล้วหรือไม่ นายวิษณุ ยอมรับว่า หนีไม่พ้นจะต้องมีอยู่แน่นอน แต่คนที่ทำคือทีมวานของนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายพิชิต ก็เป็นหนึ่งในทีมงาน เพราะเป็นเรื่องของนายพิชิต ซึ่งงนายกรัฐมนตรีไม่ทราบ และทางสำงานคณะกรรมการกฤษฎีกาก็ทำตามที่เสนอมา สลค.ก็ทกงานที่เสนอมา และนำมารวมกันคงจะให้ตนตรวจดูสักครั้งหนึ่ง และอาจให้คนอื่นตรวจอีกครั้ง ซึ่งเท่าที่ทราบมีการร่างฉบับแรกเสร็จและและจะให้ตนดูวันนี้ เพื่อให้นายกรัฐมนตรีลงนาก่อนส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้ทันตามกรอบเวลา และไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด เนื่องจากอาจเสียรูปคดี
ส่วนที่มีการวิเคราะห์ว่าผลของคดีอาจ 50 /50 นายวิษณุ กล่าวว่า “ไม่ทราบ ผมจะมายืนยันได้ไงว่าแพ้แหงๆ”
ส่วนที่วิการวิเคราะห์กันว่าการกลับครั้งนี้มีแอะไรนอกเหนือ เนื่องจากผ่าวิกฤตด้านสุขภาพมา นายวิษณุ ยอมรับว่า คิดหนักอยู่แล้ว เหมือนคนไม่เจียมตัว แต่เห็นใจนายกฯที่อธิบายเหตุผลหลายอย่างให้ฟัง ก็คิดว่ามาช่วยท่านสักระยะไม่น่าทำให้ตัวเองเกิดอันตรายอะไร และไม่น่าเป็นผลเสียต่อประเทศชาติ ซึ่งไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น เพรสะเป็นที่ปรึกษาธรรมดา และนายกรัฐมนตรีมีที่ปรึกษาทางการเมือง 5 ตำแหน่ง มีเงินเดือน ส่วนที่ปรึกษาลอยๆ ไม่ใช่ที่ปรึกษาทางการเมือง และส่วนใหญ่ตนจะอยู่ที่บ้านมีเพียงวันอังคารที่จะเข้ามา ไม่มีห้องทำงาน ซึ่งนายกรัฐมนตรีอาจปรึกษาหรือมอบให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรีปรึกษา และยืนยันให้ท่านมั่นใจในบางเรื่อง
เมื่อถามว่าจะช่วยงานนายกรัฐมนตรีจนครบวาระรัฐบาล หรือเป็นไปตามภารกิจ นายวิษณุ กล่าวว่า อนาคตตนไม่ทราบแต่เท่าที่คุยกับนายกฯ เข้ามาช่วยเพียงบางภารกิจ ซึ่งในบางภารกิจหลายบางอาจจะมากขึ้น
เมื่อถามว่าการมารับตำแหน่งในขณะที่เงินและเกียรติยศก็มีแล้ว ยังต้องการอะไร นายวิษณุ ระบุว่า “ผมคิดว่าประเทศชาติน่าจะต้องการคนช่วยแก้ปัญหา คนเล็กๆคนหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหารัฐบาลในบางเรื่องที่รัฐบาลมีข้อสงสัย สมัยที่คุณพิชิต หรือแม้ไม่ใช่คุณพิชิต ใครก็ตามที่อยู่เขาก็ช่วยได้ ผมก็มาทำหน้าที่แทน ไม่ได้ต้องการเงิน ไม่ได้ต้องการเกียรติยศ เพราะเกียรติศักดิ์ของการเป็นรองนายกฯแล้วมานั่งเป็นที่ปรึกษาแบบนี้ สมัยผมเป็นรองนายกฯตั้งเป็น 10 คน “
นายวิษณุ ระบุว่า การตัดสินใจมาทำหน้าที่เป็นการตัดสินใจต่อหน้านายกรัฐมนตรี และๆด้มีการพูดคุยว่าอะไรที่ตนทำได้ หรือไม่ควรทำ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับมอบหมายงานแต่อย่างใด และนายกรัฐมนตรียังไม่ได้มีการขอคำปรึกษาเรื่องใดเป็นพิเศษ ส่วนเงื่อนไขการรับตำแหน่งมีเงื่อนไขเพียงเล็กๆแต่ไม่เกี่ยวข้องกับตน ซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัว
โดยนายวิษณุ ยืนยันว่า การกลับมาทำงานครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการลงเรือแป๊ะ เพราะแป๊ะขึ้นไปแล้ว แต่อันนี้เศรษฐีมาไม่ใช่แป๊ะ ส่วนจะเป็นเรื่ออะไรไม่ขอเปรียบเทียบเพราะตนไม่ได้อยู่ในรัฐบาลไม่เรียกว่าร่วมรัฐบาล
ส่วนรัฐบาลชุดก่อนมีการเตือนเปรียบเหมือนสนิมเหล็กเนื้อใน แล้วรัฐบาลนี้จะมีการเตือนหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ต้องเตือน รัฐบาลนี้ เพราะฝ่ายการเมืองเขาเตือนกันเอง
ส่วนกรณีที่มีการออกมาระบุว่ารัฐบาลชุดนี้มีแต่คนไม่รู้คุยกันกับคนไม่รู้ แล้วในครม.ทำไปแล้วบ้าง นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มีสื่อมวลชนเป็นคนวิจารณ์กันเองแต่ที่บอกว่าไม่รู้ ไม่ใช่ไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่เป็นการรู้เพียงเรื่องของตนเองไม่รู้เรื่องคนอื่น ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหญ่โต
นายวิษณุ ยืนยันว่า ตนมาร่วมประขุมครม.เฉพาะวันอังคาร เวลา 11.00 - 12.00 น.จะไปมีอำนาจอะไร ซึ่งหากทักท้วงอะไรก็สามารถทำได้ ซึ่งในแต่ละรัฐบาลไม่แปลกที่จะมีคนนอกมานั่ง แต่มานั่งเฉยๆ ไม่ได้ท้วง แต่หากมีอะไรผิดพลาดก็สามารถโน๊ตเตือนได้ อย่างน้อยไม่ได้นั่งเพื่อมาท้วงแต่นั่งเพื่อวันหนึ่งหากเกิดคดีความก็จะช่วยจด ช่วยจำ เป็นพยาน เพราะบางคดีต้องการคนนอกไม่มีส่วนได้เสีย
ส่วนที่มีกระแสต้านจากคนในพรรคเพื่อไทย กรณีมารับตำแหน่ง นายวิษณุ กล่าวว่า “ก็ไม่เดือนร้อน ต้านมากๆผมก็ไม่อยู่ ไม่แปลก เพราะผมไม่ได้อะไรขึ้นมาเลย ปกติถ้าวันอังคารผมอยู่บ้านนอน”
ส่วนการที่มาช่วยงานรัฐบาล จะการรันตีว่ารัฐบาลจะอยู่ครบเทอมหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องของผม และผมไม่ได้อยู่ในรัฐบาล
ส่วนจะเข้ามาดูเรื่องขอกฎหมายเกี่ยวกับโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ในดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ยังไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้
นายวิษณุ ยังระบุถึงกรณีร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ว่า ไม่ใช่เป็นความพยายามขอวรัฐบาล แต่เป็นรัฐสถาที่พยายามและต้องส่งมาให้รัฐบาลดู และขณะนี้ยังไม่ได้ดำเนินการหรือพูดอะไร แต่เป็นเรื่องปกติที่จะมีร่างประกบหากร่างฯของรัฐบาลนั้นต่างจากร่างฯของสส.
ส่วนโอกาสที่จะรวมคดี ม.112 ลงในพ.ร.บ.นิรโทษกรรม หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ตนไม่รู้