กระทรวงการคลังเตือนกระทรวงพลังงานให้พิจารณาอย่างรอบคอบก่อนใช้อำนาจกำหนดเพดานภาษีกองทุนน้ำมัน เนื่องจากอาจส่งผลกระทบหลายอย่างทั้งการจัดเก็บภาษี งบประมาณขาดดุล ในขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการรถบรรทุกเตรียมเคลื่อนไหวหลังจากที่ภาครัฐขยายเพดานราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ 33 บาทต่อลิตร เนื่องจากอาจไม่เพียงพอต่อการรักษาระดับต้นทุนการดำเนินงาน
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ระบุว่ากระทรวงพยายามตรึงราคาน้ำมันดีเซลตามประกาศ แต่ปัญหาสะสมของกองทุนน้ำมันตั้งแต่ปี 2562 ส่งผลต่อการอุดหนุนราคาขายปลีก จึงเสนอแก้กฎหมายให้กระทรวงดึงอำนาจกำหนดเพดานภาษีสรรพสามิตกลับมา เพื่อบรรเทาปัญหาได้ดีขึ้น
ขณะที่ รมช.การคลังระบุว่าพร้อมหารือร่วมกับกระทรวงพลังงาน แต่ต้องพิจารณาผลกระทบต่อรายได้รัฐ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และข้อเท็จจริงในทางปฏิบัติด้วย ซึ่งกระทรวงการคลังมองว่า เป็นความพยายามของกระทรวงพลังงานในการลดภาระของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ปัจจุบันติดลบมากกว่า 1 แสนล้านบาท หากพลังงานปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตลง 1 บาทต่อลิตร จะส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ภาษีประมาณ 5,000 ล้านบาทต่อเดือน
กองทุนน้ำมันฯ เป็นเพียงเครื่องมือควบคุมเสถียรภาพราคาระยะสั้น แต่รายได้ภาษีถือเป็นเงินสำหรับการพัฒนาประเทศระยะยาว โดยเฉพาะในช่วงที่งบประมาณขาดดุลเพิ่มขึ้น
รายได้จากภาษีสรรพสามิตในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2567 ต่ำกว่าเป้าหมายกว่า 37,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม การปรับเพดานราคาน้ำมันดีเซลจาก 30 บาท เป็น 33 บาทต่อลิตร น่าจะช่วยปรับปรุงฐานะกองทุนน้ำมันฯ ให้ดีขึ้นได้บ้างตามลำดับ
ทางด้านของสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยซึ่งประกอบด้วย 12 สมาคมทั่วประเทศ เตรียมประชุมร่วมกันในสัปดาห์หน้า เพื่อกำหนดท่าทีและการเคลื่อนไหวร่วมกัน หลังจากราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวสูงขึ้นและมีนโยบายปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ส่งผลให้ต้นทุนการดำเนินธุรกิจขนส่งสูงขึ้น