คัดลอก URL แล้ว
จุลพันธ์ ยัน! รัฐใช้กลไกงบประมาณ ไม่กู้เงิน ธ.ก.ส. ทำดิจิทัลวอลเล็ต

จุลพันธ์ ยัน! รัฐใช้กลไกงบประมาณ ไม่กู้เงิน ธ.ก.ส. ทำดิจิทัลวอลเล็ต

นาย จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีสหภาพธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ เข้าพบที่กระทรวงการคลังเมื่อวานนี้ (22 เม.ย.) เพื่อขอให้ชี้แจงกรณี ที่จะนำเงินของธ.ก.ส.ไปใช้ในโครงการ ดิจิทัลวอลเล็ตใน 5 ประเด็น ว่า เมื่อวานได้นั่งพูดคุยกันและชี้แจงเรียบร้อยดี และก็เข้าใจตรงกัน ยืนยันว่าไม่มีปัญหา ซึ่งพวกเขาก็ต้องการให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฏหมาย โดยทางคณะกรรมการฯ และกระทรวงการคลังก็ได้ตรวจสอบทุกอย่างเรียบร้อยแล้วยืนยันว่าทุกอย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตามรัฐบาลต้องการความมั่นใจ ว่ามีขั้นตอนทางกฏหมายอะไรที่รัฐบาลต้องทำ เช่นส่งให้ทางสำนักคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบซึ่งก็ต้องทำ

ส่วนได้กำหนดระยะเวลาให้ทางคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบหรือไม่ นายจุลพันธ์กล่าวว่า ยังไม่ใช่ตอนนี้ เพราะทุกอย่างมีระยะเวลาของมัน แต่อย่างไรก็ตามตนยืนยันว่าไม่มีความกังวล เพราะรัฐบาลมั่นใจ ว่าทุกอย่างทำตามกรอบกฏหมายชัดเจน

นายจุลพันธ์ ยืนยันถึง5ข้อสงสัยของสหภาพแรง งานธ.ก.ส. ว่าสามารถชี้แจงได้หมด รวมถึงแหล่งที่มาของเงิน ส่วนเรื่องของสภาพคล่องไม่น่าเป็นห่วง เพราะธ.ก.ส. สามารถบริหารจัดการได้ โดยกลไกปกติผ่านการบริหารจัดการของธนาคาร ส่วนการชำระเงินคืนก็เป็นไปตามกลไกของงบประมาณ ที่รัฐบาลจะต้องมีกลไกในการชำระคืน ตามม.28 ให้กับธ.ก.ส.ในแต่ละปี พร้อมยืนยันว่าส่วนตัวไม่กลัวว่าจะเกิดแรงกระเพื่อมเพราะเมื่อวานได้พูดคุยกันเป็นไปอย่างเรียบร้อยดี และเข้าใจตรงกัน

เมื่อถามว่าขณะนี้รัฐบาลเป็นหนี้ธ.ก.ส.อยู่ประมาณประมาณเท่าไหร่ นายจุลพรรณตอบว่า ประมาณ ประมาณ 8-9แสนล้านบาท ยืนยันว่าครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นการกู้เงินของธนาคารธ.ก.ส. มาทำนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต แต่เป็นการ ใช้กลไกผ่านงบประมาณและมาตรการการเงินการคลัง เพราะรัฐบาลกู้เงินธ.ก.ส. ไม่ได้

ทั้งนี้ตน ได้ยืนยันไปทางสหภาพแรงงานธ.ก.ส. ไปในสามประเด็นคือ กลไกทั้งหมดต้องเป็นไปตามกฏหมาย และเสถียรภาพของธนาคารธ.ก.ส. จะต้องแข็งแกร่ง พอรัฐบาลจะ มีนโยบายที่จะเพิ่มในเรื่องความแข็งแกร่งให้กับ ธ.ก.ส. และ ที่สำคัญรัฐบาลถือหุ้น 100% ไม่มีทางที่จะรัฐบาลจะปล่อยให้กลไกนี้สั่นไหว ขณะที่ปีนี้เป็นปีที่สำคัญในการช่วยเหลือเกษตรกร รัฐบาลมีความจำเป็นที่ต้องใช้ มาตรการตามมาตรา 28 ซึ่งทุกรัฐบาลก็ทำมากันตลอด เพราะเป็นกลไกที่จะเอื้อมมือไปหาเกษตร โดยไม่ขัดต่อข้อตกลงระหว่างประเทศ และสุดท้าย จะต้องไม่กระทบต่อสวัสดิการและสวัสดิภาพของพนักงานธ.ก.ส.

เมื่อถามว่าเกษตรกรสงสัยว่าทำไม ถึงไม่ให้ใช้เงินในโครงการไปชำระหนี้เลย นายจุลพันธ์ ยืนยันว่า ใช้ชำระหนี้ไม่ได้ เพราะเป็นสิ่งที่รัฐบาลยืนยันมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ว่าต้องการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ หากนำเงินไปใช้หนี้คืนให้กับธ.ก.ส. เป็นต้น ก็หมายความว่าเงินดังกล่าวจะกลับเข้ารัฐ ไม่เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเศรษฐกิจ

ผู้สื่อข่าวถามถึงระบบบ็อกเชน จะเข้ากับแอพพลิเคชั่นของรัฐได้อย่างไร เพราะไม่ได้เอื้อต่อธุรกรรมทางการเงิน นายจุลพันธ์กล่าวว่า กำลังพัฒนา และดำเนินการอยู่ส่วนเรื่องแอพฯ ”ทางรัฐ“ ก็ได้มีการพูดคุยมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว ซึ่งเป็นหนึ่งในแอพพลิเคชั่นที่คาดหวังว่า จะสามารถอัพเกรดเป็นซุปเปอร์แอพฯ ซึ่งเป็นเรื่องของกระทรวง ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล จะเป็นผู้รับผิดชอบ และดำเนินการดำเนินการพัฒนาระบบ เพื่อให้เชื่อมโยง ความเป็นรัฐทั้งหมดเข้ามาอยู่ในแอพเดียวกัน เพื่อไปเป็นจุดเชื่อมในอนาคต เช่นลูกค้าของธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นธนาคารของอะไร จะสามารถมาเชื่อมกับระบบของรัฐ และสามารถเข้าสู่ระบบดิจิทัลวอลเล็ตได้ ยืนยันว่าการไปพัฒนาเรื่องนี้นั้นใช้งบประมาณไม่เยอะ ไม่ถึงพันล้านบาท และจะสามารถใช้ทันในไตรมาสที่4 ส่วนแอพเป๋าตังก็ยังคงเป็นหนึ่งในตัวเลือก ที่รัฐบาลก็กำลังดูอยู่


ข่าวที่เกี่ยวข้อง