ราคายางพาราของไทยยังดีดตัวขึ้นสูงต่อเนื่อง ล่าสุดยางบางชนิดปรับตัวขึ้น แตะ 91 บาทต่อกิโลกรัม การยางแห่งประเทศไทยมองแนวโน้มยังไปต่อได้
ขณะที่ เครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง จังหวัดตรัง ระบุว่า ราคายางที่ขยับตัวสูงขึ้นในเวลานี้ มีผลมาจากพื้นที่ปลูกยางเหลือน้อยลง จากปัญหาราคาตกต่ำยาวนาน
ชาวสวนกรีดยางระยะนี้ไม่ถึงร้อยละ 20
กลุ่มชาวสวน สมาชิกสหกรณ์กองทุนสวนยางบ้านทุ่งต่อ จำกัด ตำบลทุ่งต่อ อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง จำนวน 20 ราย ทยอยนำน้ำยางมาขายกับกลุ่มสหกรณ์
ชาวสวนเหล่านี้เป็นชาวสวนที่คงเหลืออยู่เพียง 100 ราย จากเดิมที่มีอยู่ กว่า 400 ราย ส่วนชาวสวนที่เหลือกว่า 300 ราย ตัดสินใจโค่นยาง หรือ ล้มยางหมดอายุ หันไปปลูกปาล์มน้ำมันทดแทน ในช่วงที่ยางราคาตกต่ำ
ในช่วงปกติ สหกรณ์กองทุนสวนยางบ้านทุ่งต่อ จำกัด จะมีชาวสวน นำน้ำยางสดมาขาย เฉลี่ย วันละ 7,000 – 8,000 กิโลกรัม แต่ในหน้าแล้งปีนี้ เหลือชาวสวนกรีดยาง อยู่ประมาณ 20 ราย มีน้ำยางเข้าสหกรณ์ได้เพียงวันละประมาณ 300 – 400 กิโลกรัมเท่านั้น
เครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง จังหวัดตรัง ระบุว่า ราคายางที่สูงขึ้นในเวลานี้ มาจากพื้นที่ปลูกยางเหลือน้อย จากการที่เกษตรกรโค่นยาง หันไปปลูกปาล์มน้ำมันแทนกันเป็นจำนวนมาก เพราะที่ผ่านมาราคายางตกต่ำ ประกอบกับเป็นช่วงหน้าแล้ง ต้นยางพาราไม่มีน้ำยาง ทำให้มีน้ำยางออกสู่ตลาดน้อยมาก
แต่หากถึงฤดูเปิดกรีดยางในเดือนเมษายนนี้ ยังมีราคาสูงหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องลุ้น
ตลอด 3 ปี พบเกษตรของจังหวัดตรัง ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของยางพารา โค่นยาง เพื่อปลูกปาล์มน้ำมัน กว่าร้อยละ 80 มีพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกร รวมกว่า 1 แสน 7 หมื่นไร่ ทำให้เหลือพื้นที่ปลูกยางเพียงร้อยละ 20 จึงเป็นโจทย์ท้าทายว่า ในอนาคตจะมีการวางแผนรับมือเพื่อไม่ให้ปาล์มน้ำมันกลายเป็นสินค้าล้นตลาดได้อย่างไร
ราคายางพุ่ง แตะ 91 บาทต่อกิโลกรัม
ขณะที่ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย ระบุว่า ราคายางพาราของไทย ยังดีดตัวขึ้นสูงต่อเนื่อง ล่าสุดยางบางชนิดปรับตัวขึ้น แตะ 91 บาทต่อกิโลกรัม ถือเป็นราคาที่สูงสุดในรอบ 3 ปี จากที่เคยต่ำสุดอยู่ที่ 45 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ในอนาคต อาจจะถึงกิโลกรัมละกว่า 100 บาท
โดยปัจจัยที่ทำให้ราคายางขยับขึ้น การปราบปรามยางเถื่อน และมีระบบตรวจสอบย้อนกลับ ตามการบังคับใช้กฎหมายของสหภาพยุโรป ทำให้เป็นที่สนใจของผู้นำเข้า แต่ต้องจับตาช่วงฤดูกาลเปิดกรีด ในช่วงเดือน พฤษภาคม -มิถุนายน ว่าราคายาง ยังจะยืนระยะได้หรือไม่
ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย ระบุว่า ขณะนี้เกษตรกรรุ่นใหม่ ปรับตัวไปเป็นผู้ประกอบการมากขึ้น เข้าใจภาวะตลาดและการทำธุรกิจ รวมถึงมีข้อมูลด้านราคากลางของตลาด ทำให้การซื้อ/ขาย ค่อนข้างมีประสิทธิภาพ และรายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้น
ข้อมูลจากการยางแห่งประเทศไทย ณ วันที่ 14 มี.ค.67 พบว่า ตลาดกลางยางพารา จ.นครศรีธรรมราช ราคายางแผ่นดิบคุณภาพดี (ความชื้นไม่เกิน 3%) อยู่ที่ 86.05 บาทต่อกิโลกรัม / ราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 ทุบสถิติ ดีดตัว ไปถึง 91.01 บาทต่อกิโลกรัม /น้ำยางสด ราคาอยู่ที่ 77 บาทต่อกิโลกรัม